แผ่นดินไหวอาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ในยุคที่ภัยธรรมชาติเกิดถี่ขึ้น แผนอพยพในที่ทำงานจึงเป็นเครื่องมือช่วยชีวิตที่ทุกองค์กรต้องมี มาเรียนรู้วิธีรับมือกัน!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- ไม่ซ้อมดับเพลิงภายในองค์กร ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่?
- แนวทางเสริมสร้างความปลอดภัยในการทำงานที่ทุกองค์กรต้องรู้
- HR ต้องทำอย่างไร เมื่อพนักงานประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน
- Q&A พนักงานเกิดอุบัติเหตุ HR ต้องแจ้งประกันสังคมไหม อย่างไร?
การทำแผนอพยพแผ่นดินไหว
แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน แม้ประเทศไทยจะไม่ได้อยู่ในแนวรอยเลื่อนหลักของโลก แต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวในหลายพื้นที่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าองค์กรไม่ควรนิ่งนอนใจ การมีแผนอพยพที่ชัดเจนและเป็นระบบ คือหนึ่งในวิธีสำคัญที่จะช่วยลดความสูญเสีย และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของพนักงานในยามวิกฤต
ขั้นตอนสำคัญของแผนอพยพแผ่นดินไหวในองค์กร
เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว ทุกวินาทีมีค่า การมีแผนที่ชัดเจนและรู้ว่าต้องทำอะไร จะช่วยลดความสับสนและเพิ่มโอกาสรอดได้มากขึ้น มาดูกันว่าแผนอพยพที่ดีควรมีอะไรบ้าง
1. การวิเคราะห์ความเสี่ยงและโครงสร้างอาคาร
ตรวจสอบว่าอาคารตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหวหรือไม่
ประเมินโครงสร้างอาคาร ความแข็งแรง จุดอ่อน จุดเสี่ยงต่อการพังถล่มหรือหลุดร่วง
2. การกำหนดพื้นที่ปลอดภัย
กำหนดพื้นที่ปลอดภัยที่ห่างจากอาคารและสิ่งก่อสร้างที่อาจเกิดการพังถล่ม
สถานที่เหล่านี้ควรเปิดโล่งและมีการอพยพออกจากอาคารในระยะเวลาสั้นที่สุด
3. การกำหนดเส้นทางอพยพ
กำหนดเส้นทางอพยพที่ชัดเจน ปลอดภัย และผ่านการทดสอบจริง
จัดตั้งจุดรวมพลในพื้นที่โล่ง ห่างจากอาคารและสิ่งก่อสร้างสูง
ติดป้ายบอกทางอพยพอย่างชัดเจนตามจุดต่าง ๆ ภายในอาคาร
4. การมอบหมายบทบาทหน้าที่ของบุคลากร
แต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือทีมความปลอดภัยในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response Team)
กำหนดผู้ประสานงานอพยพ ผู้ช่วยเหลือผู้พิการ/ผู้บาดเจ็บ
ฝึกให้พนักงานแต่ละคนรู้บทบาทของตนเองในสถานการณ์จริง
5. อุปกรณ์ฉุกเฉินและระบบเตือนภัย
ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยแผ่นดินไหว ระบบกระจายเสียง
จัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย วิทยุสื่อสาร ชุดปฐมพยาบาล ถังดับเพลิง
ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ
6. การฝึกซ้อมและทบทวนแผนอย่างสม่ำเสมอ
จัดการฝึกซ้อมแผนอพยพแผ่นดินไหวเป็นประจำ (เช่น ปีละ 1–2 ครั้ง)
ทบทวนและปรับปรุงแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร หรือจำนวนพนักงาน
รวบรวม feedback หลังการฝึกซ้อม เพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
วิธีปฏิบัติตัวสำหรับบุคลากรเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว
เหตุการณ์แผ่นดินไหวอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว การเตรียมตัวและรู้วิธีปฏิบัติตัวในสถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยของบุคลากรทุกคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นขณะเกิดเหตุหรือหลังเกิดเหตุ ดังนี้
วิธีปฏิบัติตัวขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหว
1. ขณะอยู่ภายในอาคารหรือไซต์ก่อสร้าง
- หลีกเลี่ยงการรีบวิ่งออกจากอาคารขณะเกิดแผ่นดินไหว เพราะอาจเกิดอันตรายจากการพังทลายของสิ่งก่อสร้าง
- หลบใต้โต๊ะหรือเก้าอี้ที่แข็งแรง เพื่อปกป้องตัวจากสิ่งของที่อาจตกลงมา
- หลีกเลี่ยงการยืนใกล้หน้าต่าง เพราะหากมีการกระแทกที่กระจกอาจทำให้เกิดอันตรายจากการแตก
2. ขณะอยู่กลางแจ้ง
- หาที่โล่งที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างสูง หลีกเลี่ยงการยืนใกล้ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรืออาคาร
- อย่าวิ่ง หรือเคลื่อนที่เร็วเกินไป เพราะอาจเสี่ยงต่อการตกจากพื้นที่ที่ไม่มั่นคง
3. ขณะใช้เครนหรือเครื่องจักรหนัก
- หากคุณกำลังทำงานด้วยเครื่องจักรหนัก เช่น เครน ให้หยุดการทำงานทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุจากการที่เครื่องจักรไม่ทำงานตามปกติ
- หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์จนกว่าการสั่นสะเทือนจะหยุดลง
วิธีปฏิบัติตัวหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว
1. ตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้าง
- หลีกเลี่ยงการกลับเข้าอาคารหรือไซต์ก่อสร้างจนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าปลอดภัย
- สำรวจความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร เช่น ตรวจสอบว่ามีรอยแตก หรือสิ่งก่อสร้างที่อาจพังทลายเพิ่มเติมหรือไม่
- หากพบจุดที่มีความเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ และแจ้งเจ้าหน้าที่หรือทีมกู้ภัย
2. การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
- หากพบผู้บาดเจ็บ ให้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น การห้ามเลือด การช่วยหายใจ ก่อนจะเรียกหน่วยกู้ภัยมาช่วย
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บมากเกินไป ยกเว้นในกรณีที่พวกเขาอยู่ในสถานที่อันตราย เช่น ใต้ซากปรักหักพัง
3. การเตรียมพร้อมสำหรับอาฟเตอร์ช็อก
- เฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อก หลังจากแผ่นดินไหวหลักแล้ว มักจะมีอาฟเตอร์ช็อก (แผ่นดินไหวที่ตามมา) ที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้
- อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีอาฟเตอร์ช็อกรุนแรง
สรุป แผนอพยพแผ่นดินไหวในองค์กร ความจำเป็นที่ธุรกิจต้องเตรียมพร้อม
การมีแผนอพยพแผ่นดินไหวในองค์กรไม่ใช่แค่เรื่องของความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของการบริหารความเสี่ยงที่ทุกธุรกิจควรให้ความสำคัญ เพราะเมื่อภัยพิบัติมาถึง การเตรียมพร้อมอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การประเมินความเสี่ยง การกำหนดพื้นที่ปลอดภัย การฝึกซ้อม ไปจนถึงการรู้วิธีปฏิบัติตัวของพนักงาน จะช่วยลดความสับสน เพิ่มโอกาสรอดชีวิต และฟื้นฟูองค์กรให้กลับมาเดินหน้าต่อได้อย่างรวดเร็วในยามวิกฤต