การตั้งค่าเวลาการทำงาน
เมนูการตั้งค่าเวลาการทำงาน เป็นการตั้งค่าเงื่อนไขพิเศษเพื่อให้ระบบตรวจสอบเวลา มาเช้า, มาสาย, พักเกิน, พักไว, กลับก่อน และกลับช้า โดยสามารถกำหนดการหักเงินหรือการให้เงินพนักงานได้ รวมถึงการตั้งค่าเงื่อนไขสำหรับการคิดคำนวณเงินโอทีให้กับพนักงานด้วย
หากมีการตั้งค่าเวลาการทำงานในส่วนนี้ ระบบจะตรวจจับเวลาที่พนักงานมีการลงเวลาเข้ามา มีมาเช้า, สาย, พักเกิน, พักไว, กลับก่อน และกลับช้า อย่างไร ในช่วงเวลาของกะการทำงาน
เช่น กะการทำงาน 08:00 – 12:00 – 13:00 – 17:00 น.
1.กรณีช่วงเวลาเข้างาน 08:00 น.
หากพนักงานมีการลงเวลาก่อน 08:00 น. สามารถใช้งานฟังก์ชันมาเช้า เพื่อให้เงินพนักงานเพิ่มได้
หากพนักงานมีการลงเวลา 08:20 น. สามารถใช้ฟังก์ชัน สาย เพื่อให้ระบบหักเงินพนักงานได้
2.กรณีช่วงพัก 12:00 – 13:00 น.
หากพนักงานมีการเริ่มพักที่ 12:00 น. และ มีการลงเวลาหลังช่วงพัก 13:30 น. สามารถใช้งานฟังก์ชัน พักเกิน เพื่อทำการหักเงินพนักงานได้
หากพนักงานมีการเริ่มพักที่ 12:00 น. และ มีการลงเวลาหลังช่วงพัก 12:30 น. สามารถใช้งานฟังก์ชัน พักไว เพื่อให้เงินพนักงานเพิ่มได้
3.กรณีช่วงหลังเวลาเลิกงาน 17:00 น.
หากพนักงานมีการลงเวลาออกงาน 16:40 น. สามารถใช้งานฟังก์ชัน กลับก่อน เพื่อให้ระบบหักเงินพนักงานได้
หากพนักงานลงเวลาออกงานช่วง 17:30 น. สามารถใช้งานฟังก์ชัน กลับช้า เพื่อให้ระบบเพิ่มเงินให้กับพนักงานได้
ซึ่งฟังก์ชัน กลับช้า สามารถใช้งานแทนการขอเอกสารโอทีได้ด้วยเช่นกัน
การตั้งค่าเวลาการทำงาน
หากต้องการเปิดใช้งานฟังก์ชันการตรวจสอบเวลาการทำงานต่าง ๆ สามารถเข้ามาที่เมนู ตั้งค่า จากนั้นเลือกที่ตั้งค่าการคำนวณ และ ตั้งค่าเวลาการทำงาน
หากต้องการเปิดใช้งานฟังก์ชันใด สามารถคลิ๊กปุ่มแก้ไข ที่ เพื่อทำการเปิดใช้งาน และกำหนดเงื่อนไข ในการตรวจจับเวลาของพนักงานอีกครั้ง โดยสามารถกำหนดเงื่อนไขของพนักงานรายวันและรายเดือนแตกต่างกันได้
เมื่อทำการเปิดใช้งานเรียบร้อยแล้วระบบจะแสดงเงื่อนไขเพิ่มเติม เพื่อให้ทำการกำหนดการตรวจจับเวลาของพนักงาน
ตัวอย่างการตั้งค่าเงื่อนไข มาเช้า
1.เปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว
2.เป็นการกำหนดนาที ที่จะเริ่มให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับมาเช้าก่อนเริ่มงานต่ำสุด 5 นาที และ นับมาเช้าสูงสุดที่ 30 นาที
3. กำหนดว่าพนักงานจะได้รับเงินหรือไม่ หากมาเช้าตามเงื่อนไข
4. เป็นการกำหนดนาที ที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณเงินเพิ่มให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด / สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2 )
5. รูปแบบการให้เงินพนักงาน
6. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม, ภาษี และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงื่อนไขตัวอย่างดังกล่าว
กะการทำงาน คือ 08:00 – 12:00 – 13:00 –17:00 น.
หากพนักงานลงเวลา 07:45 น. ระบบจึงจะคำนวณมาเช้าให้ 15 นาที เนื่องจากอยู่ในเรทนาทีที่ มาเช้ามากกว่า 5 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที
หากพนักงานลงเวลา 06:50 น. ระบบจะคำนวณมาเช้าให้สูงสุดที่ 30 นาทีเท่านั้น ตามการตั้งค่านาทีสูงสุดของเงื่อนไข
ตัวอย่างการตั้งค่าเงื่อนไข สาย
1.เปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว
2.เป็นการกำหนดนาที ที่จะเริ่มให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับมายหลังเริ่มงานนาทีต่ำสุด 5 นาที และนับสายสูงสุดที่ 60 นาที
3. เป็นการกำหนดว่ากรณีพนักงานเข้างานสาย จะเริ่มนับย้อนตั้งแต่เวลาเริ่มงาน หรือ นับต่อจากเงื่อนไขในข้อที่ 2
4. กำหนดว่าจะหักเงินหรือไม่หักเงินพนักงาน หากมาสายตามเงื่อนไข
5. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด/สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2 )
6.เป็นการกำหนดนาทีที่จะคำนวณเงินหักให้กับพนักงาน ว่าจะเริ่มหักจากเวลาเริ่มงาน หรือ หักนับจากเงื่อนไขในข้อที่ 5
7. รูปแบบการให้เงินพนักงาน
8. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม, ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงื่อนไขตัวอย่างดังกล่าว กรณีเงื่อนไข 3 เลือกตัวเลือกแรก (นับหลังเวลาเริ่มงาน)
กะการทำงาน คือ 08:00 – 12:00 – 13:00 –17:00 น.
หากพนักงานลงเวลา 08:07 น. ระบบจึงจะคำนวณสายให้ 7 นาที (คำนวณตามจริง) เนื่องจากอยู่ในเรทนาทีที่ สายมากกว่า 5 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที
หากพนักงานลงเวลา 09:10 น. ระบบจะคำนวณสายให้สูงสุดที่ 60 นาทีเท่านั้น ตามการตั้งค่านาทีสูงสุดของเงื่อนไข และ จะแสดงขาดงานอีก 10 นาทีที่หายไป
ตัวอย่างเงื่อนไข กรณีเงื่อนไข 3 และ 5 เลือกตัวเลือกที่ 2 (นับต่อจากเงื่อนไขข้อที่ 2 )
กะการทำงาน คือ 08:00 – 12:00 – 13:00 –17:00 น.
หากพนักงานลงเวลา 08:07 น. ระบบจึงจะคำนวณสายให้ 2 นาที (หัก 5 นาทีต่ำสุดออกก่อน) เนื่องจากอยู่ในเรทนาที ที่สายมากกว่า 5 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที หากพนักงานลงเวลา
หากพนักงานลงเวลา 09:10 น. ระบบจะคำนวณสายให้สูงสุดที่ 60 นาทีเท่านั้น ตามการตั้งค่านาทีสูงสุดของเงื่อนไข และจะแสดงขาดงานอีก 5 นาทีที่หายไป
ตัวอย่างการตั้งค่าเงื่อนไข พักเกิน
1.เปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว
2.เป็นการกำหนดนาที ที่จะเริ่มให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับพักเกินหลังเวลาเลิกพัก 0 นาที และนับพักเกินสูงสุดที่ 60 นาที
3.กำหนดว่าจะหักเงินพักเงินพนักงานหรือไม่ หากพักเกินตามเงื่อนไข
4.เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด/สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2)
5. รูปแบบการหักเงินพนักงาน
6. กรณีมีการหักเงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม, ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงื่อนไขตัวอย่างดังกล่าว
กะการทำงาน คือ 08:00 – 12:00 – 13:00 – 17:00 น.
ถ้าพนักงานลงเวลาพักออก 12:00 น. และ เข้างานอีกครั้ง 13:05 น. ระบบจะคำนวณพักเกินให้ 5 นาที
หากพนักงานลงพักออก 12:00 น. และ เข้างานอีกครั้ง 14:15 น. ระบบจะคำนวณพักเกินให้สูงสุดที่ 60 นาทีเท่านั้น ตามการตั้งค่านาทีสูงสุดของเงื่อนไข และ จะแสดงขาดงานอีก 15 นาทีที่หายไป
ตัวอย่างการตั้งค่าเงื่อนไข กลับก่อน
1.เปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว
2.เป็นการกำหนดนาที ที่จะให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับกลับก่อน หลังเลิกงานนาทีต่ำสุด 5 นาที และ สูงสุด 60 นาที
3.เป็นการกำหนดว่ากรณีพนักงานกลับก่อน จะเริ่มนับย้อนตั้งแต่นาทีแรก หรือ นับต่อจากเงื่อนไขในข้อที่ 2
4.กำหนดว่าจะหักเงินหรือไม่หักเงินพนักงาน หากกลับก่อนตามเงื่อนไข
5.เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด /สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2)
6.เป็นการกำหนดนาที ที่จะคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน ว่าจะเริ่มหักจากเวลาเลิกงาน หรือหักนับจากเงื่อนไขในข้อที่ 5
7.รูปแบบการให้เงินพนักงาน
8.กรณีมีการหักเงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม, ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงื่อนไขตัวอย่างดังกล่าว กรณีเงื่อนไข 3 เลือกตัวเลือกแรก (นับหลังเวลาเลิกงาน)
กะการทำงาน คือ 08:00 – 12:00 – 13:00 – 17:00 น.
ถ้าพนักงานลงเวลาออกงาน 16:35 น. ระบบจะคำนวณกลับก่อนให้ 25 นาที (ตามจริง) เนื่องจากมีการกลับก่อนมากว่า 5 นาที และ อยู่ในเรทน้อยกว่า 60 นาที
หากพนักงานลงเวลออกงาน 15:30 น. ระบบจึงจะคำนวณกลับก่อนให้ 1 ชั่วโมงเท่านั้น และ ขาดงานอีก 30 นาที เนื่องจากพนักงานนาทีสูงสุดของกลับก่อนตั้งไว้ 60 นาที
เงื่อนไขตัวอย่างดังกล่าว กรณีเงื่อนไข 3 เลือกตัวเลือกแรก (นับต่อจากเงื่อนไขข้อที่ 2 )
กะการทำงาน คือ 08:00 – 12:00 – 13:00 – 17:00 น.
ถ้าพนักงานลงเวลาออกงาน 16:35 น. ระบบจะคำนวณกลับก่อนให้ 20 นาที เนื่องจากพนักงานกลับก่อน 25 นาที (หัก 5 นาทีที่หยวนให้)
หากพนักงานลงเวลออกงาน 15:30 น. ระบบจึงจะคำนวณกลับก่อนให้ 1 ชั่วโมง และขาดงานอีก 25 นาที (หัก 5 นาทีที่หยวนออก)
ตัวอย่างการตั้งค่าเงื่อนไข กลับช้า
1.เปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว
2.เป็นการกำหนดนาที ที่จะให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับกลับช้า หลังเลิกงาน 10 นาที และ สูงสุด 60 นาที
3.เป็นการกำหนดว่ากรณีพนักงานกลับช้า จะเริ่มนับย้อนตั้งแต่นาทีแรก หรือ นับต่อจากเงื่อนไขในข้อที่ 2
4.กำหนดว่าจะให้เงินหรือไม่ หากพนักงานกลับช้าตามเงื่อนไข
5.เป็นการกำหนดนาที ที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณเงินให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด /สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2 )
6.เป็นการกำหนดนาทีที่จะคำนวณเงินให้กับพนักงาน ว่าจะเริ่มให้จากเวลาเลิกงาน หรือ หักนับจากเงื่อนไขในข้อที่ 5
7.รูปแบบการให้เงินพนักงาน
8.กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม, ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หมายเหตุ . กรณีกลับช้า สามารถตั้งค่าให้คำนวณโอทีแทนการขอเอกสารโอทีในระบบได้ ระบบจะคำนวณค่าล่วงเวลาให้อัตโนมัติ
เงื่อนไขตัวอย่างดังกล่าว กรณีเงื่อนไข 3 เลือกตัวเลือกแรก (นับหลังเวลาเลิกงาน)
กะการทำงาน คือ 08:00 – 12:00 – 13:00 – 17:00 น.
ถ้าพนักงานลงเวลาออกงาน 17:45 น. ระบบจะคำนวณกลับช้าให้45 นาที (ตามจริง)
หากพนักงานลงเวลออกงาน ช่วง 17:00 - 17:10 น. ระบบจึงจะไม่คำนวณกลับช้าให้ เนื่องจากนาทีต่ำสุด คือ 10 นาที
หากพนักงานลงเวลาออกงาน 18:30 น. ระบบจะคำนวณกลับก่อนให้สูงสุดที่ 60 นาทีเท่านั้น ตามการตั้งค่านาทีสูงสุดของเงื่อนไข
เงื่อนไขตัวอย่างดังกล่าว กรณีเงื่อนไข 3 เลือกตัวเลือกแรก (นับต่อจากเงื่อนไขข้อที่ 2 )
กะการทำงาน คือ 08:00 – 12:00 – 13:00 – 17:00 น.
ถ้าพนักงานลงเวลาออกงาน 17:45 น. ระบบจะคำนวณกลับช้าให้ 35 นาที (หักช่วงเวลาหน่วงนาทีต่ำสุด 10 นาทีออก)
ตัวอย่างการตั้งค่าเงื่อนไข โอที
กรณีการตั้งค่าโอที เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันโอที ระบบจะแสดงเงื่อนไขเพิ่มเติมในการตั้งค่าเพิ่มเติม โดยการ์ดโอที จะสามารถแก้ไขชื่อโอทีได้ตามลูกค้าต้องการ รวมถึงสามารถกำหนดได้ว่าโอทีประเภทนี้จะสามารถขอเอกสารในสถานะวันใดได้บ้าง โดยมีทั้งวันทำงาน วันหยุด หรือ ทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าเงื่อนไขของพนักงานแต่ละประเภทได้ด้วย ทั้ง รายเดือน, รายวัน และ เหมาจ่าย
1. เปิดใช้งานคำนวณโอที
2.การกำหนดนาที ที่จะให้ระบบเริ่มคำนวณโอทีหลังเวลาเลิกงาน
3.เป็นการกำหนดเงื่อนไขว่าจะให้ระบบคำนวณโอทีตั้งแต่หลังเวลาเลิกงานหรือ คำนวณต่อจากเงื่อนไขในข้อที่ 2
4.กำหนดเงื่อนไขการได้รับเงิน
5.กำหนดชั่วโมงสูงสุดในการทำโอที โดยหากเลือก ตามกะการทำงาน เช่นกะการทำงานในวันนั้น มี 9 ชั่วโมง เอกสารโอทีจะสามารถขอได้สูงสุด 9 ชั่วโมง ตามกะการทำงาน
6. การปัดเศษชั่วโมงในการทำโอที
6.1 ไม่ปัดเศษ = คิดตามจริง
6.2 ปัดลงครึ่งชั่วโมง =กรณีพนักงานทำโอที 1 ชั่วโมง 45 นาที ระบบจะปัดเศษ 15 นาทีทิ้ง เป็น 1 ชั่วโมง 30 นาที
6.3 ปัดลงเต็มชั่วโมง = กรณีพนักงานทำโอที 1 ชั่วโมง 45 นาที ระบบจะปัดเศษ 45 นาทีทิ้ง เป็น 1 ชั่วโมเต็มเท่านั้น
7.กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม, ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ตัวอย่างการตั้งค่า ปัดเศษชั่วโมง ของการคำนวณโอที
กะการทำงาน 08:00 – 12:00 – 13:00 – 17:00 น. พนักงานทำงานล่วงเวลาตั้งแต่ 17:00 – 19:45 น.
ไม่ปัดเศษ : ระบบจะคำนวณเอกสารโอทีตามจริง คือ 2 ชั่วโมง 45 นาที
ปัดลงครึ่งชั่วโมง : ระบบจะคำนวณเอกสารโอที โดยให้หน่วยนาทีเต็มครึ่งชั่วโมง ระบจะคำนวณให้เพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที โดยหัก 15 นาทีออกให้
ปัดลงเต็มชั่วโมง : ระบบจะคำนวณเอกสารโอที โดยปัดลงให้เต็มชั่วโมง ระบบจะคำนวณให้เพียง 2 ชั่วโมง โดยหัก 45 นาทีออกให้