PageView Facebook
คู่มือการใช้งานโปรแกรม

ให้คุณได้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นระบบ

ตั้งค่าเวลาการทำงาน


เมนูการตั้งค่าเวลาการทำงาน เป็นการตั้งค่าเงื่อนไขพิเศษเพื่อให้ระบบตรวจสอบเวลามาเช้า, มาสาย, พักเกิน, พักไว, กลับก่อน, กลับช้า โดยสามารถกำหนดการหักเงินหรือการให้เงินพนักงานได้  รวมถึงการตั้งค่าเงื่อนไขสำหรับการคิดคำนวณเงินโอทีให้กับพนักงานด้วย 


หากมีการตั้งค่าเวลาการทำงานในส่วนนี้ ระบบจะตรวจจับเวลาที่พนักงานมีการลงเวลาเข้ามา ว่ามีมาเช้า มาสาย พักเกิน พักไว กลับก่อน กลับช้า อย่างไรในช่วงเวลาของกะการทำงาน


ตัวอย่างเงื่อนไขตัวอย่างการตั้งค่าเวลาการทำงาน

1. กรณีช่วงเวลาเข้างาน 08.00 น.

1.1 หากพนักงานมีการลงเวลาก่อน 08.00 สามารถใช้งานฟังก์ชันมาเช้า เพื่อให้เงินพนักงานเพิ่มได้

1.2 หากพนักงานมีการลงเวลา 08.20 สามารถใช้ฟังก์ชัน สาย เพื่อให้ระบบหักเงินพนักงานได้

2. กรณีช่วงพัก 12.00 – 13.00 น.

2.1 หากพนักงานมีการเริ่มพักที่ 12.00 และ มีการลงเวลาหลังช่วงพัก 13.30 สามารถใช้งานฟังก์ชัน พักเกิน เพื่อทำการหักเงินพนักงานได้

2.2 หากพนักงานมีการเริ่มพักที่ 12.00 และ มีการลงเวลาหลังช่วงพัก 12.30 สามารถใช้งานฟังก์ชัน พักไว เพื่อให้เงินพนักงานเพิ่มได้

3. กรณีช่วงหลังเวลาเลิกงาน 17.00 น.

3.1 หากพนักงานมีการลงเวลาออกงาน 16.40 สามารถใช้งานฟังก์ชัน กลับก่อน เพื่อให้ระบบหักเงินพนักงานได้

3.2 หากพนักงานลงเวลาออกงานช่วง 17.30 สามารถใช้งานฟังก์ชัน กลับช้า เพื่อให้ระบบเพิ่มเงินให้กับพนักงานได้

(ฟังก์ชัน กลับช้า สามารถใช้งานแทนการขอเอกสารโอทีได้ด้วยเช่นกัน)


วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "มาเช้า"

การเปิดใช้งานฟังก์ชัน "มาเช้า" คือการกำหนดอัตราให้ผลประโยชน์หรือเก็บสถิติเวลาพนักงานมีการสแกนนิ้วเริ่มงานก่อนถึงกำหนดเวลาเริ่มงาน โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยการเข้ามาที่

  1. เมนูตั้งค่า > ตั้งค่าการคำนวณ > ตั้งค่าเวลาการทำงาน
  2. เลือกฟังก์ชัน "มาเช้า" และกดที่ "ปากกา" แก้ไข
  3. จากนั้นกดที่เลือกประเภทของพนักงานที่ต้องการ "เปิด" มาเช้า
  4. กำหนดเงื่อนไขการ "มาเช้า"
  5. และกดบันทึก


การตั้งค่ากำหนดเงื่อนไข "มาเช้า"

  1. เปิดใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว 
  2. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับมาเช้าก่อนเริ่มงานต่ำสุด 5 นาที และ นับมาเช้าสูงสุดที่ 30 นาที
  3. กำหนดว่าพนักงานจะได้รับเงินหรือไม่ หากมาเช้าตามเงื่อนไข 
  4. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณเงินเพิ่มให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด / สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2 )
  5. รูปแบบการให้เงินพนักงาน
  6. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ


ตัวอย่างการแสดงผลของเงื่อนไข "มาเช้า"

กะการทำงาน คือ 08.00 – 12.00 – 13.00 – 17.00

  • หากพนักงานลงเวลา 07.45 ระบบจึงจะคำนวณมาเช้าให้ 15 นาที เนื่องจากอยู่ในเรทนาทีที่ มาเช้ามากกว่า 5 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที


  • หากพนักงานลงเวลา 06.50 ระบบจะคำนวณมาเช้าให้สูงสุดที่ 30 นาทีเท่านั้น ตามการตั้งค่านาทีสูงสุดของเงื่อนไข




วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "สาย"

การเปิดใช้งานฟังก์ชัน "สาย" คือ การกำหนดอัตราปรับเงินพนักงานหรือเก็บสถิติเวลาพนักงานสแกนนิ้วเข้าทำงานหลังจากเวลาเริ่มงาน โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยการเข้ามาที่

  1. เมนูตั้งค่า > ตั้งค่าการคำนวณ > ตั้งค่าเวลาการทำงาน
  2. เลือกฟังก์ชัน "สาย" และกดที่ "ปากกา" แก้ไข
  3. จากนั้นกดที่เลือกประเภทของพนักงานที่ต้องการ "เปิด" สาย
  4. กำหนดเงื่อนไขการ "สาย"
  5. และกดบันทึก


การตั้งค่ากำหนดเงื่อนไข "สาย"

  1. เป็นการ "เปิด/ปิด" ใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว 
  2. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับมายหลังเริ่มงานนาทีต่ำสุด 5 นาที และ นับสายสูงสุดที่ 60 นาที
  3. เป็นการกำหนดว่ากรณีพนักงานเข้างานสาย จะเริ่มนับย้อนตั้งแต่เวลาเริ่มงาน หรือ นับต่อจากเงื่อนไขในข้อที่ 2 
  4. กำหนดว่าจะหักเงินหรือไม่หักเงินพนักงาน หากมาสายตามเงื่อนไข 
  5. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด / สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2 )
  6. เป็นการกำหนดนาทีที่จะคำนวณเงินหักให้กับพนักงาน ว่าจะเริ่มหักจากเวลาเริ่มงาน หรือ หักนับจากเงื่อนไขในข้อที่ 5
  7. รูปแบบการให้เงินพนักงาน 
  8. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ


ตัวอย่างการแสดงผลของเงื่อนไข "สาย"

ตัวอย่างที่ 1: กรณีเลือกหัวข้อที่ 3 และ 6 เป็นตัวเลือกที่ 1 (นับหลังจากเวลาเริ่มงาน)

กะการทำงาน คือ 08.00 – 12.00 – 13.00 – 17.00

  • หากพนักงานลงเวลา 08.07 ระบบจึงจะคำนวณสายให้ 7 นาที (คำนวณตามจริง)

เนื่องจากอยู่ในเรทนาทีที่ สายมากกว่า 5 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที

ตัวอย่างที่ 2: กรณีเลือกหัวข้อที่ 3 และ 6 เป็นตัวเลือกที่ 2 (นับต่อจากเงื่อนไขข้อที่ 2)

กะการทำงาน คือ 08.00 – 12.00 – 13.00 – 17.00

  • หากพนักงานลงเวลา 08.07 ระบบจึงจะคำนวณสายให้ 2 นาที (หัก 5 นาทีต่ำสุดออกก่อน) เนื่องจากอยู่ในเรทนาทีที่ สายมากกว่า 5 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที


วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "พักเกิน"

การเปิดใช้งานฟังก์ชัน "พักเกิน" คือ การกำหนดอัตราปรับเงินพนักงานหรือเก็บสถิติเวลา กรณีมีการสแกนนิ้วเข้า-ออกช่วงพักเที่ยงพนักงานเข้างานช่วงพักเที่ยงหลังจากถึงกำหนดเวลาเริ่มงาน โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยการเข้ามาที่

  1. เมนูตั้งค่า > ตั้งค่าการคำนวณ > ตั้งค่าเวลาการทำงาน
  2. เลือกฟังก์ชัน "พักเกิน" และกดที่ "ปากกา" แก้ไข
  3. จากนั้นกดที่เลือกประเภทของพนักงานที่ต้องการ "เปิด" พักเกิน
  4. กำหนดเงื่อนไขการ "พักเกิน"
  5. และกดบันทึก


การตั้งค่ากำหนดเงื่อนไข "พักเกิน"

  1. เป็นการ "เปิด/ปิด" ใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว
  2. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับพักเกินก่อนหลังเวลาเลิกพัก 0 นาที และ นับมาพักเกินสูงสุดที่ 60 นาที
  3. กำหนดว่าจะพักเงินพนักงานหรือไม่ หากพักเกินตามเงื่อนไข
  4. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด / สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2 )
  5. รูปแบบการให้เงินพนักงาน
  6. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ


ตัวอย่างการแสดงผลของเงื่อนไข "พักเกิน"

กะการทำงาน คือ 08.00 – 12.00 – 13.00 – 17.00

  • ถ้าพนักงานลงเวลาพักออก 12.00 และ เข้างานอีกครั้ง 13.05 น. ระบบจะคำนวณพักเกินให้ 5 นาที


วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "พักไว"

การเปิดใช้งานฟังก์ชัน "พักไว" คือ การกำหนดอัตราให้ผลประโยชน์หรือเก็บสถิติเวลา กรณีมีการสแกนนิ้วเข้า-ออกช่วงพักเที่ยงพนักงานเข้างานช่วงพักเที่ยงก่อนถึงกำหนดเวลาเริ่มงาน โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยการเข้ามาที่

  1. เมนูตั้งค่า > ตั้งค่าการคำนวณ > ตั้งค่าเวลาการทำงาน
  2. เลือกฟังก์ชัน "พักไว" และกดที่ "ปากกา" แก้ไข
  3. จากนั้นกดที่เลือกประเภทของพนักงานที่ต้องการ "เปิด" พักไว
  4. กำหนดเงื่อนไขการ "พักไว"
  5. และกดบันทึก


การตั้งค่ากำหนดเงื่อนไข "พักไว"

  1. เป็นการ "เปิด/ปิด" ใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว
  2. เป็นการกำหนดนาทีที่จะให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น นับพักไวสูงสุดที่ 30 นาที
  3. กำหนดว่าจะพนักงานจะได้รับเงินหรือไม่ หากพักไวตามเงื่อนไข
  4. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณเงินเพิ่มให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีสูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2)
  5. รูปแบบการให้เงินพนักงาน
  6. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ


ตัวอย่างการแสดงผลของเงื่อนไข "พักไว"

กะการทำงาน คือ 08.00 – 12.00 – 13.00 – 17.00

  • ถ้าพนักงานลงเวลาพักออก 12.00 และ เข้างานอีกครั้ง 12.15 น. ระบบจะคำนวณพักไวให้ 30นาที ตามตั้งค่านาทีสูงสุดเนื่องจากอยู่ในเรทช่วงนาที 1 – 30 นาที


วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "กลับก่อน"

การเปิดใช้งานฟังก์ชัน "กลับก่อน" คือ การกำหนดอัตราปรับเงินพนักงานหรือเก็บสถิติเวลาพนักงานสแกนนิ้วออกก่อนเวลาเลิกงาน โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยการเข้ามาที่

  1. เมนูตั้งค่า > ตั้งค่าการคำนวณ > ตั้งค่าเวลาการทำงาน
  2. เลือกฟังก์ชัน "กลับก่อน" และกดที่ "ปากกา" แก้ไข
  3. จากนั้นกดที่เลือกประเภทของพนักงานที่ต้องการ "เปิด" กลับก่อน
  4. กำหนดเงื่อนไขการ "กลับก่อน"
  5. และกดบันทึก


การตั้งค่ากำหนดเงื่อนไข "กลับก่อน"

  1. เป็นการ "เปิด/ปิด" ใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว
  2. เป็นการกำหนดนาทีที่จะให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับกลับก่อนหลังเลิกงานนาทีต่ำสุด 5 นาที และ สูงสุด 60 นาที 
  3. เป็นการกำหนดว่ากรณีพนักงานกลับก่อน จะเริ่มนับย้อนตั้งแต่นาทีแรก หรือ นับต่อจากเงื่อนไขในข้อที่ 2 
  4. กำหนดว่าจะหักเงินหรือไม่หักเงินพนักงาน หากกลับก่อนตามเงื่อนไข 
  5. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด / สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2)
  6. เป็นการกำหนดนาทีที่จะคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน ว่าจะเริ่มหักจากเวลาเลิกงาน หรือ หักนับจากเงื่อนไขในข้อที่ 5
  7. รูปแบบการให้เงินพนักงาน 
  8. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ


ตัวอย่างการแสดงผลของเงื่อนไข "กลับก่อน"

กะการทำงาน คือ 08.00 – 12.00 – 13.00 – 17.00

  • ถ้าพนักงานลงเวลาออกงาน 16.35 น. ระบบจะคำนวณกลับก่อนให้ 25 นาที (ตามจริง) เนื่องจากมีการกลับก่อนมากว่า 5 นาที และ อยู่ในเรทน้อยกว่า 60 นาที


วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "กลับช้า"

การเปิดใช้งานฟังก์ชัน "กลับช้า" คือ การกำหนดอัตราปรับเงินพนักงานหรือเก็บสถิติเวลาพนักงานสแกนนิ้วออกก่อนเวลาเลิกงาน โดยสามารถเข้าใช้งานได้โดยการเข้ามาที่

  1. เมนูตั้งค่า > ตั้งค่าการคำนวณ > ตั้งค่าเวลาการทำงาน
  2. เลือกฟังก์ชัน "กลับช้า" และกดที่ "ปากกา" แก้ไข
  3. จากนั้นกดที่เลือกประเภทของพนักงานที่ต้องการ "เปิด" กลับช้า
  4. กำหนดเงื่อนไขการ "กลับช้า"
  5. และกดบันทึก


การตั้งค่ากำหนดเงื่อนไข "กลับก่อน"

  1. เป็นการเปิด หรือ ปิด ใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว 
  2. เป็นการกำหนดนาทีที่จะให้ระบบตรวจสอบเวลา เช่น เริ่มนับกลับช้าหลังเลิกงาน 10 นาที และ สูงสุด 60 นาที 
  3. เป็นการกำหนดว่ากรณีพนักงานกลับก่อน จะเริ่มนับย้อนตั้งแต่นาทีแรก หรือ นับต่อจากเงื่อนไขในข้อที่ 2 
  4. กำหนดว่าจะหักเงินหรือไม่หักเงินพนักงาน หากกลับก่อนตามเงื่อนไข 
  5. เป็นการกำหนดนาทีที่จะเริ่มให้ระบบคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน (แนะนำให้เป็นการตั้งค่านาทีต่ำสุด / สูงสุด ตามเงื่อนไขในข้อที่ 2)
  6. เป็นการกำหนดนาทีที่จะคำนวณหักเงินให้กับพนักงาน ว่าจะเริ่มหักจากเวลาเลิกงาน หรือ หักนับจากเงื่อนไขในข้อที่ 5
  7. รูปแบบการให้เงินพนักงาน 
  8. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ


หมายเหตุ: กรณีกลับช้า สามารถตั้งค่าให้คำนวณโอทีแทนการขอเอกสารโอทีในระบบได้ ระบบจะคำนวณค่าล่วงเวลาให้อัตโนมัติ


ตัวอย่างการแสดงผลของเงื่อนไข "กลับก่อน"

กะการทำงาน คือ 08.00 – 12.00 – 13.00 – 17.00

  • ถ้าพนักงานลงเวลาออกงาน 17.45 น. ระบบจะคำนวณกลับช้าให้ 45 นาที (ตามจริง)


วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "โอที"

กรณีการตั้งค่าโอที เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันโอที ระบบจะแสดงเงื่อนไขเพิ่มเติมในการตั้งค่าเพิ่มเติม โดยการ์ดโอที จะสามารถแก้ไขชื่อโอทีได้ตามลูกค้าต้องการ รวมถึง สามารถกำหนดได้ว่าโอทีประเภทนี้จะสามารถขอเอกสารในสถานะวันใดได้บ้าง โดยมีทั้ง วันทำงาน วันหยุด หรือ ทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าเงื่อนไขของพนักงานแต่ละประเภทได้ด้วย ทั้ง รายเดือน รายวัน และ เหมาจ่าย


การตั้งค่ากำหนดเงื่อนไข "กลับก่อน"

1. เป็นการเปิด หรือ ปิด ใช้งานฟังก์ชันตรวจจับเวลาดังกล่าว 

2. การกำหนดนาทีที่จะให้ระบบเริ่มคำนวณโอทีหลังเวลาเลิกงาน 

3. เป็นการกำหนดเงื่อนไขว่าจะให้ระบบคำนวณโอทีตั้งแต่หลังเวลาเลิกงาน หรือ คำนวณต่อจากเงื่อนไขในข้อที่ 2 

4. กำหนดเงื่อนไขการได้รับเงิน

5. กำหนดชั่วโมงสูงสุดในการทำโอที โดยหากเลือก ตามกะการทำงาน 

เช่น กะการทำงานในวันนั้น มี 9 ชั่วโมง เอกสารโอทีจะสามารถขอได้สูงสุด 9 ชั่วโมง ตามกะการทำงาน

6. การปัดเศษชั่วโมงในการทำโอที 

6.1 ไม่ปัดเศษ = คิดตามจริง

6.2 ปัดลงครึ่งชั่วโมง = กรณีพนักงานทำโอที 1 ชั่วโมง 45 นาที ระบบจะปัดเศษ 15 นาทีทิ้ง เป็น 1 ชั่วโมง 30 นาที 

6.3 ปัดลงเต็มชั่วโมง = กรณีพนักงานทำโอที 1 ชั่วโมง 45 นาที ระบบจะปัดเศษ 45 นาทีทิ้ง เป็น 1 ชั่วโมเต็มเท่านั้น

7. กรณีมีการให้เงินพนักงาน ต้องการนำยอดเงินนี้ไปคำนวณกับอะไรบ้าง โดยมี ประกันสังคม ภาษี และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ


ตัวอย่างการตั้งค่า ปัดเศษชั่วโมง ของการคำนวณโอที

กะการทำงาน 08.00 – 12.00 – 13.00 – 17.00 พนักงานทำงานล่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 – 19.45 น.

  • ไม่ปัดเศษ  :  ระบบจะคำนวณเอกสารโอทีตามจริง คือ 2 ชั่วโมง 45 นาที
  • ปัดลงครึ่งชั่วโมง : ระบบจะคำนวณเอกสารโอที โดยให้หน่วยนาทีเต็มครึ่งชั่วโมง ระบจะคำนวณให้เพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที โดยหัก 15 นาทีออกให้
  • ปัดลงเต็มชั่วโมง : ระบบจะคำนวณเอกสารโอที โดยปัดลงให้เต็มชั่วโมง ระบบจะคำนวณให้เพียง 2 ชั่วโมง โดยหัก 45 นาทีออกให้


หลักการคำนวณเงินของรูปแบบแต่ละประเภท

1.การคำนวณแบบ "ตามเรทค่าแรง" 

วิธีคิด เงินเดือน / จำนวนวันทำงานในเดือน = ค่าแรงรายวัน

ค่าแรงรายวัน / จำนวนชั่วโมงการทำงานในวัน = ค่าแรงรายชั่วโมง

ค่าแรงรายชั่วโมง x ค่าน้ำหนัก(Weight) = ค่าแรงที่ได้ในการทำโอที 1 ชั่วโมง

ค่าแรงปรับเพิ่มปรับลด x จำนวนชั่วโมงที่เกิดขึ้น = เงินได้โอที 

แทนค่า เงินเดือน 9000 บาท / 30 วันในเดือน = 300 บาทต่อวัน

300 บาทต่อวัน / 10 ชั่วโมงต่อวัน = 30 บาทต่อชั่วโมง

30 บาทต่อชั่วโมง x 1.25 ค่าน้ำหนัก(Weight) = 37.5 บาทต่อชั่วโมง

37.5 บาทต่อชั่วโมง x โอทีล่วงเวลา (x1.0) 2 ชั่วโมง = ได้รับเงิน 75 บาท


2. การคิดคำนวณ "เป็นนาที" 

วิธีคิด จำนวนชั่วโมงที่เกิดขึ้น x บาทต่อนาที(Rate) = เงินที่ได้รับโอที

แทนค่า 

โอทีล่วงเวลา (x1.0) 1 ชั่วโมง x 0.5 บาทต่อนาที (Rate) = ได้รับเงิน 30 บาท

โอทีล่วงเวลา (x1.0) 120 นาที x 0.5 บาทต่อนาที(Rate) = ได้รับเงิน 60 บาท


3. การคิดคำนวณรูปแบบ "ตามสูตรการคำนวณพิเศษ" 

วิธีคิด เป็นการกำหนดขั้นบันไดการคำนวณเงินโอทีให้กับพนักงาน 

ตามความต้องการของบริษัทลูกค้า โดยสามารถเลือกกำหนดเป็นบาท หรือ จำนวนเท่า

แทนค่า การคำนวณเป็นขั้นบันได เช่น

ทำโอทีครบ 10 นาที จะได้รับเงิน 5 บาท

ทำโอทีครบ 30 นาที จะได้รับเงิน 30 บาท

ทำโอทีครบ 60 นาที จะได้รับเงิน 100 บาท


การคำนวณแบบเป็นบาท เมื่อพนักงานมาสาย ตั้งแต่ 

นาทีที่ 1 จนถึง นาทีที่ 60 จะถูกหัก 50 บาท

นาทีที่ 61 จนถึง นาทีที่ 120 จะถูกหัก 100 บาท


การคำนวณ เป็นจำนวนเท่า เมื่อพนักงานมาสาย ตั้งแต่ 

นาทีที่ 1 จนถึง นาทีที่ 60 จะถูกหัก 60 นาที 

จำนวน 1 เท่าของค่าแรง

นาทีที่ 61 จนถึง นาทีที่ 120 จะถูกหัก 120 บาท 

จำนวน 1 เท่าของค่าแรง


4. การคิดคำนวณรูปแบบ "แปลงเป็นวันหยุดพิเศษ"

วิธีคิด เป็นการที่พนักงานทำโอทีสะสม เพื่อนำไปแลกเป็นวันหยุดของตนเอง โดยสามารถดูคู่มือเพิ่มเติมได้ที่ >> โควตาวันหยุดพิเศษ

สารบัญเนื้อหาที่คุณสนใจ
  • ตั้งค่าเวลาการทำงาน
  • ตัวอย่างเงื่อนไขตัวอย่างการตั้งค่าเวลาการทำงาน
  • วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "มาเช้า"
  • วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "สาย"
  • วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "พักเกิน"
  • วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "พักไว"
  • วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "กลับก่อน"
  • วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "กลับช้า"
  • วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชัน "โอที"
  • หลักการคำนวณเงินของรูปแบบแต่ละประเภท