เคยไหม? งานก็เดิน เงินก็ได้ แต่ใจกลับรู้สึกเหนื่อยล้าไร้เหตุผล หรือเริ่มหมดไฟแบบไม่รู้ตัว บางทีนี่อาจเป็นเสียงเตือนจากใจ ถึงเวลาฟังสัญญาณจากสุขภาพจิตแล้วหรือยัง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- ฟื้นฟูสุขภาพจิตที่กำลังพังจากการติดโซเชียล! ด้วย Social Detox
- แชร์ 5 วิธีดูแลสุขภาพจิต (Mental Health) ที่ทุกคนทำตามได้
- โรควิตกกังวลในวัยทำงาน เช็กอาการและวิธีการรับมือแก้ไข
- 4 วิธีจัดการปัญหาสุขภาพจิตในที่ทำงาน ฉบับ HR
- โรคยอดฮิตของคนทำงาน และวิธีป้องกันที่ HR ช่วยได้
- การตรวจสุขภาพพนักงานสำคัญอย่างไร ต้องตรวจสุขภาพด้านใดบ้าง?
ทำงานหนัก...จนใจไม่ไหว ปัญหาสุขภาพจิตในวัยทำงาน
ในยุคที่ความสำเร็จถูกวัดจากผลงานและความเร็ว คนวัยทำงานจำนวนมากต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ทั้งจากเป้าหมายที่ตั้งไว้สูง การแข่งขันในองค์กร หรือแม้แต่ความคาดหวังจากตัวเอง แม้ภายนอกจะดูเหมือนรับมือได้ดี แต่ลึก ๆ แล้วหลายคนกลับเริ่มรู้สึกหมดไฟ เหนื่อยล้า และไม่อยากตื่นขึ้นมาทำงานเหมือนเคย ปัญหาเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ “ความเครียดชั่วคราว” แต่คือสัญญาณของสุขภาพจิตที่เริ่มอ่อนแรง ซึ่งหากไม่ทันสังเกตและดูแล อาจส่งผลกระทบทั้งชีวิตการทำงานและคุณภาพชีวิตโดยรวมอย่างไม่รู้ตัว
สัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพจิตในวัยทำงาน
หลายครั้งที่ปัญหาสุขภาพจิตไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนในทันที แต่มักค่อย ๆ ปรากฏในรูปแบบที่หลายคนมองข้าม ต่อไปนี้คือสัญญาณเตือนที่ควรระวัง โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
1. ความเครียดสะสม
ความเครียดที่เกิดขึ้นจากการทำงานอาจดูเหมือนปกติ แต่หากสะสมเป็นเวลานานโดยไม่มีทางระบายหรือผ่อนคลาย อาจส่งผลต่อจิตใจจนกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง
2. หมดไฟในการทำงาน
ภาวะหมดไฟในการทำงาน เป็นภาวะที่รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน ทั้งที่เคยสนุกกับมันมาก่อน อาจเริ่มมีความคิดว่า “ทำไปทำไม” หรือ “ไม่อยากไปทำงานอีกแล้ว”
3. ภาวะความพึงพอใจในตนเองต่ำ
มองตัวเองในแง่ลบ รู้สึกว่าไม่เก่งพอ ไม่มีคุณค่า หรือโทษตัวเองบ่อย ๆ แม้จะไม่มีข้อผิดพลาดชัดเจน
4. อารมณ์แปรปรวนง่าย
จากที่เคยเป็นคนอารมณ์นิ่ง อาจกลายเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย โมโหบ่อย หรือเศร้าใจแบบไม่มีเหตุผล เป็นสัญญาณว่าจิตใจกำลังอ่อนล้า
5. รู้สึกโดดเดี่ยวแม้อยู่ท่ามกลางผู้คน
แม้จะอยู่ในที่ทำงานหรือกับเพื่อนฝูง แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า ไม่ได้รับการเข้าใจ หรือไม่อยากปฏิสัมพันธ์กับใคร
6. นอนหลับยาก หรือหลับมากเกินไป
การนอนหลับที่ผิดปกติ เช่น นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือนอนมากผิดปกติ ล้วนเป็นสัญญาณของปัญหาทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า
7. มีปัญหาด้านร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการปวดหัว ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือท้องไส้ปั่นป่วนบ่อยครั้ง ทั้งที่ตรวจร่างกายแล้วไม่พบโรคทางกายชัดเจน
หากปล่อยให้ตัวเองอยู่ในภาวะเหล่านี้ต่อเนื่องโดยไม่ดูแลหรือขอความช่วยเหลือ อาการเหล่านี้อาจพัฒนาไปสู่ภาวะที่รุนแรงขึ้น เช่น โรควิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้า ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์และคุณภาพชีวิตโดยรวม ดังนั้นการใส่ใจสัญญาณจากใจตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
สรุป ทำงานหนักจนใจเริ่มไม่ไหว สัญญาณปัญหาสุขภาพจิตที่ควรระวัง
เมื่อร่างกายส่งสัญญาณว่าเหนื่อย เรายังมีเวลาพัก แต่เมื่อใจเริ่มส่งสัญญาณว่าไม่ไหว หลายคนกลับฝืนจนเกินลิมิตของตัวเอง การทำงานหนักไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากแลกมากับสุขภาพจิตที่ค่อย ๆ พังลงอย่างเงียบ ๆ ก็อาจไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มา สังเกตตัวเองให้ทัน ฟังเสียงจากภายในให้มากขึ้น และอย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ เพราะใจของเราก็สมควรได้รับการดูแลไม่แพ้ผลงานที่เราทุ่มเทเพื่อสร้างมันขึ้นมา