เมื่อมีพนักงานเกษียณอายุ องค์กรมักต้องจัดการเรื่องเงินที่ซับซ้อน ทั้งการคำนวณค่าชดเชยและภาษี แต่ทั้งหมดนี้จะง่ายและแม่นยำขึ้น หากใช้โปรแกรม HR Payroll ช่วยจัดการ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- โปรแกรม HR คืออะไร? เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับองค์กร
- สำรวจฟีเจอร์เด่นของโปรแกรม HR มีอะไรบ้างที่ธุรกิจควรเลือกใช้
- Q&A HR ต้องทำอย่างไร? เมื่อพนักงานเกษียณอายุตามกฎหมายแรงงาน
- 5 สิ่งที่ HR ควรทำเมื่อมีพนักงานเกษียณอายุ
- พนักงานเกษียณอายุตามกฎหมายแรงงาน มีอัตราค่าชดเชยอย่างไร?
จัดการภาษีเกษียณอายุอย่างไรให้ไม่พลาด? โปรแกรม HR Payroll มีคำตอบ
เมื่อถึงเวลาที่มีพนักงานเกษียณอายุ หนึ่งในเรื่องสำคัญที่องค์กรต้องจัดการคือเรื่องการจ่ายค่าชดเชยกรณีเกษียณอายุ โดยกฎหมายแรงงานได้กำหนดอัตราค่าชดเชยไว้อย่างเป็นลำดับขั้น เช่น ทำงานครบ 120 วัน ได้อัตราค่าชดเชยเท่ากับ 30 วัน, ทำงานครบ 1 ปี ได้อัตราค่าชดเชยเท่ากับ 90 วัน, ทำงานครบ 3 ปี ได้อัตราค่าชดเชยเท่ากับ 180 วัน, ทำงานครบ 1 ปี ได้อัตราค่าชดเชยเท่ากับ 90 วัน ...หรือทำงานครบ 10 ปีขึ้นไป ได้อัตราค่าชดเชยเท่ากับ 300 วัน
Tips! อ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> พนักงานเกษียณอายุตามกฎหมายแรงงาน มีอัตราค่าชดเชยอย่างไร?
ทั้งนี้กรณีเกษียณอายุหรือหมดสัญญาจ้าง ค่าชดเชยดังกล่าวต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีอย่างถูกต้อง หากคำนวณผิดพลาด อาจกระทบทั้งองค์กรและพนักงานได้โดยตรง
วิธีคำนวณภาษีเงินชดเชยเกษียณอายุ คิดอย่างไร?
เมื่อพนักงานเกษียณอายุหรือหมดสัญญาจ้าง เงินชดเชยที่ได้รับถือเป็นเงินได้พิเศษก้อนหนึ่งที่ต้องนำมาคำนวณภาษี โดยกรณีเกษียณอายุจะไม่ได้รับการยกเว้น 600,000 บาทแรก เหมือนกรณีถูกเลิกจ้างหรือไล่ออก ทำให้หลายคนกังวลว่าจะต้องเสียภาษีสูง แต่ความจริงแล้วกฎหมายมีทางเลือกที่ช่วยลดภาษีได้
หากพนักงานมีอายุงาน ครบ 5 ปีขึ้นไป สามารถเลือกวิธีคำนวณภาษีได้ 2 แบบ คือ
- นำไปรวมกับเงินได้ประเภทอื่น ๆ เพื่อคำนวณภาษีตามปกติ
- แยกคำนวณต่างหากโดยใช้ใบแนบ ภ.ง.ด. 90 หรือ 91
โดยวิธีที่ 2 มักช่วยให้เสียภาษีน้อยกว่า เนื่องจากสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 2 ส่วน ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายส่วนแรก = 7,000 บาท x จำนวนปีที่ทำงาน
- ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง = (เงินชดเชย – ค่าใช้จ่ายส่วนแรก) x 50%
ตัวอย่างการคำนวณ
คุณสมสุข ทำงานกับบริษัท B รวม 25 ปี และจะเกษียณอายุในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยมี เงินเดือนสุดท้าย 60,000 บาท
1. คำนวณเงินชดเชย
คุณสมบัติสุขมีอายุงานเกิน 20 ปี จึงได้รับเงินชดเชย 400 วัน
เงินชดเชย = (ค่าจ้างสุดท้าย ÷ 30 วัน) x 400 วัน จะได้เป็น (60,000 ÷ 30) x 400 = 800,000 บาท
2. คำนวณค่าใช้จ่ายที่หักได้
- ค่าใช้จ่ายส่วนแรก = 7,000 x 25 ปี = 175,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง = (800,000 – 175,000) x 50% = 312,500 บาท
- รวมค่าใช้จ่าย = 175,000 + 312,500 = 487,500 บาท
3. เงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย
- 800,000 – 487,500 = 312,500 บาท
4. นำไปคำนวณภาษีตามใบแนบ
เงินได้สุทธิ 312,500 บาท อยู่ในขั้นแรกของอัตราภาษี 5% (1 – 300,000 บาทแรก) และส่วนที่เกิน 300,000 บาท จะถูกคิดที่ 10%
- 300,000 x 5% = 15,000 บาท
- 12,500 x 10% = 1,250 บาท
- รวมภาษีที่ต้องจ่าย = 16,250 บาท
โปรแกรม HR Payroll ช่วยคำนวณภาษีเกษียณอายุได้อย่างไร?
สำหรับองค์กรที่มีพนักงานเกษียณทุกปี การคำนวณค่าชดเชยและภาษีด้วยตนเองอาจซับซ้อนและเสี่ยงต่อความผิดพลาด โปรแกรม HR Payroll ของ HumanSoft จึงเข้ามาช่วยให้ขั้นตอนนี้ง่ายขึ้นมาก เพียงแค่กรอกรายละเอียดตัวแปรสำคัญ เช่น จำนวนปีที่ทำงาน เงินเดือนสุดท้าย ค่าชดเชยที่ได้รับ หรือข้อมูลสิทธิ์ตามกฎหมาย ระบบก็จะประมวลผลและคำนวณยอดภาษีที่พนักงานต้องเสียออกมาอย่างแม่นยำภายในไม่กี่คลิก
นอกจากความสะดวกแล้ว โปรแกรมยังช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนสอดคล้องตามกฎหมายแรงงานและกฎหมายภาษี ลดความเสี่ยงจากการคำนวณผิดพลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งพนักงานและบริษัท อีกทั้งสามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังเป็นระบบ ทำให้ฝ่าย HR และฝ่ายบัญชีทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุป โปรแกรม HR Payroll ช่วยคำนวณภาษีเกษียณอายุครบจบไม่ต้องกลัวพลาด
การคำนวณภาษีเงินชดเชยเกษียณอายุเป็นเรื่องซับซ้อนที่ต้องอาศัยความถูกต้องตามกฎหมาย หากคำนวณผิดอาจกระทบต่อทั้งพนักงานและองค์กร แต่ด้วยโปรแกรม HR Payroll ทุกขั้นตอนจะง่ายขึ้น เพียงใส่ข้อมูลที่จำเป็น ระบบก็ช่วยคำนวณภาษีได้แม่นยำ รวดเร็ว และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด ทำให้การบริหารงาน HR มีประสิทธิภาพและสบายใจยิ่งขึ้น