เคยเจอคำถามนี้ไหม? เข้างานใหม่ยังไม่ส่งเงินสมทบประกันสังคมได้ไหม? หากใช่บทความนี้อาจเป็นประโยชน์กับคุณ มาดูกันว่าทำได้หรือไม่? มีความผิดทางกฎหมายหรือเปล่า?
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- ความสำคัญและวิธีการส่งเงินสมทบประกันสังคม
- นายจ้างจ่ายเงินสมทบประกันสังคมออนไลน์เร็วทันใจด้วย e-Payment
- วิธียื่นเอกสารแจ้งเข้าประกันสังคมทางออนไลน์ สำหรับนายจ้าง
- Q&A นายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคมเท่าไหร่?
- นายจ้างควรรู้ รายได้ไหน ที่ต้องยื่นประกันสังคมให้ลูกจ้าง
ทำความรู้จัก เงินสมทบประกันสังคม คืออะไร?
เงินสมทบประกันสังคม คือ เงินที่นายจ้างและลูกจ้างต้องร่วมกันจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน โดยคิดจากฐานค่าจ้างในอัตรา 5% ของรายได้โดยไม่เกิน 750 บาท ซึ่งลูกจ้างที่มีฐานค่าจ้างตั้งแต่ 1,650–15,000 บาทต่อเดือน จะต้องจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 83–750 บาทต่อเดือน ทั้งนี้เป็นหน้าที่ของนายจ้างในการหักเงินสมทบจากค่าจ้างของลูกจ้างและนำส่งให้ทุกเดือน
โดยผู้ประกันตนตามกฎหมายประกันสังคมแบ่งได้ดังนี้
- ผู้ประกันตน มาตรา 33 : คือ ลูกจ้างที่ทำงานในบริษัทหรือองค์กร โดยนายจ้างจะต้องหักเงินเดือนของลูกจ้างส่งเข้าประกันสังคม พร้อมสมทบเงินในส่วนของนายจ้างด้วย
- ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ มาตรา 39 : ผู้ที่เคยเป็นลูกจ้างตามมาตรา 33 มาก่อน แล้วลาออกแต่ยังต้องการรับสิทธิประกันสังคมต่อ โดยสมัครใจส่งเงินสมทบเอง
- ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ มาตรา 40 : แรงงานอิสระที่ต้องการเข้าระบบประกันสังคมโดยสมัครใจ
Tips! อ่านเรื่องเงินสมทบประกันสังคมเพิ่มเติมที่ >>> ความสำคัญและวิธีการส่งเงินสมทบประกันสังคม
พนักงานใหม่ขอเว้นส่งเงินสมทบประกันสังคมช่วงแรกของการทำงานทำได้ไหม?
คำตอบคือ พนักงานใหม่ไม่สามารถขอเลื่อนหรือเว้นการส่งเงินสมทบประกันสังคมได้ เพราะอาจขัดต่อข้อกำหนดทางกฎหมาย และทำให้นายจ้างเสี่ยงต่อการถูกปรับหรือดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้อกำหนดทางกฏหมาย
ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดไว้ว่า นายจ้างมีหน้าที่ต้องขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนให้กับลูกจ้าง และนำส่งเงินสมทบให้กับสำนักงานประกันสังคม ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ลูกจ้างเริ่มทำงาน โดยเงินสมทบดังกล่าวเป็นภาระร่วมกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งจะต้องส่งเข้ากองทุนประกันสังคมเป็นรายเดือน ในอัตราที่กฎหมายกำหนด
โทษทางกฎหมายหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
นายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตาม จะมีความผิดตามกฎหมายและได้รับโทษทางกฎหมาย ดังนี้
- มีโทษปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท ต่อการไม่แจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน
- มีโทษปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท ต่อการไม่นำส่งเงินสมทบ
- ต้องนำส่งเงินสมทบย้อนหลัง พร้อมเบี้ยปรับอีก 2% ต่อเดือน จนกว่าจะชำระครบ
เมื่อพนักงานใหม่ขอเว้นส่งเงินสมทบประกันสังคม HR จะรับมืออย่างไร?
แน่นอนว่าเมื่อเจอคำถามนี้ HR อาจต้องอธิบายให้พนักงานเข้าใจอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งชี้แจงถึงหน้าที่ตามกฎหมายและสิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งอาจอธิบายให้พนักงานได้ดังนี้
อธิบายให้พนักงานใหม่เข้าใจว่าเป็น “ข้อบังคับตามกฎหมาย”
อธิบายให้เข้าใจว่าการส่งเงินสมทบประกันสังคมตามมาตรา 33 เป็นข้อกำหนดทางกฎหมายที่ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องปฏิบัติตาม โดยนายจ้างมีหน้าที่ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนให้กับพนักงานภายใน 30 วันนับจากวันที่เริ่มทำงาน และไม่สามารถตกลงกันเองเพื่อเลื่อนหรือเว้นการส่งเงินสมทบได้ เนื่องจากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มีผลตามกฎหมาย
ชี้แจงสิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับเมื่อเข้าประกันสังคม
ประกันสังคมให้ความคุ้มครองในหลายด้านที่เป็นประโยชน์ต่อพนักงาน เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนการขาดรายได้ ค่าคลอดบุตร เงินกรณีว่างงาน และเงินชราภาพ เป็นต้น ซึ่งสิทธิเหล่านี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างหลักประกันให้กับพนักงานในระยะยาว ดังนั้น HR ควรย้ำให้พนักงานเข้าใจว่าการส่งเงินสมทบประกันสังคมไม่ใช่แค่หน้าที่ตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงในอนาคตของตัวพนักงานเองอีกด้วย
อธิบายเรื่องค่าใช้จ่ายเงินสมทบประกันสังคมให้เข้าใจง่าย
พนักงานบางคนอาจรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการถูกหักเงินเดือนเมื่อเข้าสู่ระบบประกันสังคม ซึ่ง HR ควรชี้แจงให้เข้าใจว่า ลูกจ้างจะถูกหักเงินสมทบเพียง 5% ของค่าจ้างเท่านั้น และไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน โดยในส่วนนี้นายจ้างจะสมทบให้อีกเท่ากัน พร้อมกับที่รัฐจะช่วยสมทบเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง ถือเป็นการร่วมกันรับผิดชอบเพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วนและมั่นคงในระยะยาว
อธิบายถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ส่งเงินสมทบให้เข้าใจ
หากไม่มีการส่งเงินสมทบประกันสังคมตามที่กฎหมายกำหนด ลูกจ้างจะสูญเสียสิทธิในการได้รับความคุ้มครองต่าง ๆ จากประกันสังคม ขณะเดียวกันายจ้างก็อาจถูกปรับหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือขององค์กร นอกจากนี้ยังอาจสร้างความเสียหายให้กับทั้งสองฝ่ายในระยะยาว ทั้งในแง่สิทธิประโยชน์และความสัมพันธ์ในการทำงานอีกด้วย
สรุป พนักงานใหม่ขอไม่หักเงินสมทบประกันสังคม สามารถทำได้หรือไม่?
พนักงานใหม่ไม่สามารถขอเลื่อนหรือยกเว้นการส่งเงินสมทบประกันสังคมได้ เพราะเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่นายจ้างและลูกจ้างต้องดำเนินการร่วมกันภายใน 30 วันหลังเริ่มงาน หากละเลย อาจส่งผลให้ลูกจ้างเสียสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ และทำให้นายจ้างมีความผิดตามกฎหมาย HR จึงควรให้ข้อมูลอย่างชัดเจน พร้อมอธิบายสิทธิประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับ เพื่อสร้างความเข้าใจและปฏิบัติให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นการจ้างงาน