เมื่อความเหนื่อยล้าไม่ได้อยู่แค่ร่างกาย แต่แทรกซึมถึงใจ จนไฟในงานเริ่มมอด นี่คือสัญญาณเตือนของ Burnout ที่ควรรีบเข้าใจและหาทางแก้ ก่อนหมดแพชชั่น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- วิธีเช็คภาวะหมดไฟของพนักงาน ด้วยแบบประเมินความเครียด
- วิธีจัดการภาวะหมดไฟในการทำงานสำหรับ HR
- ดึงพลังคืนทีม! วิธีรับมือภาวะหมดไฟหลังหยุดยาวสำหรับ HR
- 5 Tips แนวทางพัฒนาตนเองให้ทำงานได้อย่าง Healthy และProductive
- ทำงานหนักจนใจเริ่มไม่ไหว สัญญาณปัญหาสุขภาพจิตที่ควรระวัง
Burnout คืออะไร? รู้จักภัยเงียบที่ค่อย ๆ ดับไฟการทำงานของคุณ
Burnout หรือ “ภาวะหมดไฟในการทำงาน” คือสภาวะที่ความเหนื่อยล้าไม่ได้เกิดแค่ทางร่างกาย แต่ลึกลงไปถึงจิตใจและอารมณ์ องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ Burnout เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งถ้าไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม จะส่งผลให้ผู้ประสบภาวะนี้รู้สึกหมดพลัง ขาดแรงบันดาลใจ และมองงานในแง่ลบมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ Burnout และความเครียดทั่วไปจะดูคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วต่างกันอย่างชัดเจน ความเครียดมักเกิดขึ้นชั่วคราว และจะค่อย ๆ หายไปเมื่อปัญหาถูกแก้ไข ขณะที่ Burnout เป็นความเหนื่อยล้าที่สะสมต่อเนื่องยาวนาน จนกระทบต่อสมรรถภาพการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์ และคุณภาพชีวิต โดยอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นกลับมาได้
สาเหตุของภาวะภาวะหมดไฟ (Burnout)
ภาวะหมดไฟมักเกิดจากแรงกดดันสะสม ทั้งจากเนื้องานและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในที่ทำงาน เมื่อความกดดันเหล่านี้ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการจัดการ อาจทำให้รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถรับมือกับงานทั้งหมดได้ จนนำไปสู่ความเครียดเรื้อรังทางอารมณ์ โดยสาเหตุหลักของภาวะ Burnout สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มอาการสำคัญ ได้แก่
1. ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ (Emotional Exhaustion)
รู้สึกหมดพลัง ขาดแรงขับเคลื่อน อ่อนเพลียทั้งกายและใจ จนแม้หมดเวลางานก็ยังรู้สึกไม่ฟื้นพลัง พร้อมเผชิญวันถัดไปด้วยความเหนื่อยสะสม
2. ความรู้สึกแปลกแยกจากผู้อื่น (Depersonalization)
เริ่มถอยห่างจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน หรือแม้แต่ลูกค้า รู้สึกเฉยเมย ไร้ความผูกพัน และไม่เห็นคุณค่าของการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว
3. ความนับถือตนเองต่ำ (Low Self-Esteem)
รู้สึกไร้ความสามารถ ขาดความมั่นใจ มองว่างานที่ทำไม่มีคุณค่า หรือยากเกินจะแก้ไขได้ จนเกิดความรู้สึกว่าล้มเหลวและหมดแรงจูงใจที่จะพัฒนาต่อ
สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเผชิญภาวะ Burnout
ภาวะ Burnout มักค่อย ๆ ก่อตัวจากความเครียดและความกดดันที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม จนส่งผลต่อทั้งอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ อาจถึงเวลาที่ต้องหยุดและทบทวนชีวิตการทำงานของตนเอง
1. อาการทางอารมณ์
- รู้สึกเครียด เหนื่อยล้า อ่อนแรง ไม่สดชื่น
- ขาดความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจ
- รู้สึกเศร้า ท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวัง
- หงุดหงิดหรือโกรธง่าย
- ไม่พอใจหรือเพิกเฉยต่อผลงานของตัวเอง
- ไม่มีความสุขและเป้าหมายในการทำงาน จนไม่อยากมาทำงาน หรืออยากลาออก
2. ทัศนคติในแง่ลบ
- มองโลกในแง่ร้ายและขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
- หวาดระแวงหรือกล่าวโทษเพื่อนร่วมงาน
- มีความวิตกกังวลสูง
- เลี่ยงการเผชิญปัญหา
- รู้สึกไร้ประสิทธิภาพ ไร้ศักยภาพ และไม่สามารถจัดการงานได้
3. พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
- แยกตัวหรือปลีกตัวจากเพื่อนร่วมงาน
- มีอารมณ์แปรปรวนหรือหุนหันพลันแล่น
- ไม่มีสมาธิ ขาดความใส่ใจในงาน
- ไม่สามารถบริหารจัดการงานได้ตามปกติ
- มาทำงานสายหรือขาดงานบ่อย
- รู้สึกหมดแรงและหมดไฟจนไม่อยากทำงานต่อ
Tips! อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่ >> วิธีเช็คภาวะหมดไฟของพนักงาน ด้วยแบบประเมินความเครียด
วิธีแก้ภาวะหมดไฟ (Burnout) ให้กลับมามีแพชชั่นในการทำงาน
เมื่อรู้สึกว่าการทำงานกลายเป็นภาระหนักหน่วงและขาดแรงจูงใจ การหาวิธีรับมือและแก้ไขจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อฟื้นฟูพลังใจและกลับมามีแพชชั่นในการทำงานอีกครั้ง โดยวิธีแก้ภาวะหมดไฟ (Burnout) ให้กลับมามีแพชชั่นในการทำงาน มีดังนี้
1. ประเมินและพูดคุยเพื่อหาทางออก
ร่วมกับหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงาน เปิดใจพูดถึงปัญหาที่พบ เพื่อหาทางปรับเปลี่ยนงาน ลดภาระ หรือเรียงลำดับความสำคัญของงานให้เหมาะสม ทำให้สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ขอความช่วยเหลือและการสนับสนุน
ขอรับการช่วยเหลือจากหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท หรือคนรัก การได้รับการสนับสนุนช่วยแบ่งเบาภาระและทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจถึงความไม่สมดุลของงาน เพื่อปรับเปลี่ยนภาระหน้าที่ให้สมดุลขึ้น
3.ออกกำลังกายและทำกิจกรรมผ่อนคลาย
ลองออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น วิ่ง เดินเล่น หรือโยคะ รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ฟังเพลง ดูหนัง หรือทำสมาธิ เพื่อช่วยลดความเครียดและเติมพลังให้ร่างกายและจิตใจสดชื่น
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของร่างกาย ส่งเสริมสุขภาพกายใจที่แข็งแรง และทำให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในวันถัดไป
5. ฝึกเจริญสติและปรับทัศนคติ
ฝึกทำสมาธิ กำหนดลมหายใจ และมีสติรับรู้ความรู้สึก ความคิด และการกระทำ เพื่อจิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน รวมถึงปรับมุมมองในทางบวก มองเห็นคุณค่าของตัวเองและงานที่ทำ เพื่อลดความเครียดและความกดดัน
Tips! อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่ >> วิธีจัดการภาวะหมดไฟในการทำงานสำหรับ HR
สรุป Burnout คืออะไร วิธีแก้ภาวะหมดไฟให้กลับมามีแพชชั่นในการทำงาน
Burnout คือภาวะหมดไฟจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงานที่ส่งผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดความเหนื่อยล้า หมดแรง และขาดแรงจูงใจในการทำงาน หากไม่รีบจัดการ อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงและคุณภาพชีวิตแย่ลงได้ การรู้จักสัญญาณเตือนและสาเหตุ พร้อมทั้งใช้วิธีแก้ไข เช่น การพูดคุยปรับงาน ขอความช่วยเหลือ ดูแลสุขภาพกายใจ และฝึกเจริญสติ จะช่วยฟื้นฟูพลังใจให้กลับมาเต็มเปี่ยม พร้อมสร้างแพชชั่นและความสุขในการทำงานอีกครั้ง