PageView Facebook
Published:  2025-10-03 54 views
HR Knowledge
ทุจริตต่อหน้าที่ หมายถึงอะไร? พฤติกรรมไหนบ้างที่ถือว่าทุจริต - blog image preview
Blog >ทุจริตต่อหน้าที่ หมายถึงอะไร? พฤติกรรมไหนบ้างที่ถือว่าทุจริต

ทำความเข้าใจกับกรณี “ทุจริตต่อหน้าที่” หมายถึงอะไร ตัวอย่างพฤติกรรมที่ถือว่าทุจริตต่อหน้าที่มีอะไรบ้าง และการทุจริตนี้มีผลอย่างไรตามกฎหมายแรงงาน บทความนี้มีคำตอบ


อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม


ทุจริตต่อหน้าที่หมายถึงอะไร?

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฯ ไม่ได้ให้ความหมายคำว่า “ทุจริตต่อหน้าที่” ไว้ ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่องนี้จึงต้องตีความตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานฯ ซึ่งจำกัดความไว้ว่า “การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหน้าที่ การมีพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหน้าที่ทั้งที่ตนไม่ได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นจริง หรือการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ควร”

 

พูดโดยเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การทุจริตต่อหน้าที่ หมายถึง การกระทำของลูกจ้างอันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีลักษณะเป็นความประพฤติชั่ว โกง หรือไม่ซื่อตรง จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างนั่นเอง


ตัวอย่างพฤติกรรมที่เข้าข่าย “ทุจริตต่อหน้าที่”

หลายครั้งเวลาได้ยินคำว่า “ทุจริตต่อหน้าที่” หลายคนอาจนึกถึงเรื่องใหญ่ ๆ อย่างการยักยอกเงินจำนวนมาก หรือการใช้อำนาจระดับผู้บริหารในการทุจริต แต่จริง ๆ แล้วพฤติกรรมบางอย่างของลูกจ้างทั่วไปก็สามารถเข้าข่ายทุจริตได้เหมือนกัน และบางครั้งก็เกิดขึ้นในชีวิตการทำงานประจำวันแบบที่เราอาจคาดไม่ถึง ลองมาดูกันว่ามีพฤติกรรมแบบไหนบ้างที่นายจ้างควรระวัง


 

  • ยักยอกเงินบริษัท เช่น พนักงานเก็บเงินจากลูกค้าแล้วไม่นำส่งบริษัท หรือนำเงินไปหมุนใช้ส่วนตัวก่อน แม้ตั้งใจคืนทีหลังก็ถือว่าเป็นการทุจริต เพราะบริษัทเสียความเชื่อมั่น
  • ขโมยทรัพย์สินของบริษัท เช่น ยกเครื่องคอมพิวเตอร์กลับบ้าน แอบหยิบอุปกรณ์สำนักงาน หรือแม้แต่ของเล็กน้อยอย่างกระดาษ ปากกา หากทำซ้ำ ๆ และมีเจตนา ก็ถือเป็นการทุจริต
  • ใช้บัตรเครดิตหรือวงเงินของบริษัทเพื่อจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น เอาบัตรเครดิตบริษัทไปจ่ายค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถของตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • เบิกค่าเดินทาง/ค่าที่พักเกินจริง เช่น ไปประชุมต่างจังหวัดจริง แต่เบิกค่ารถหรือค่าที่พักเกินกว่าที่จ่ายจริง หรือเพิ่มใบเสร็จปลอมเพื่อให้ได้เงินชดเชยมากขึ้น
  • เบิกค่าโอทีทั้งที่ไม่ได้ทำงานจริง เช่น ลงบันทึกว่าอยู่ทำงานล่วงเวลา แต่จริง ๆ กลับบ้านแล้ว หรือทำธุระส่วนตัวอยู่
  • แอบรับงานนอกในเวลางาน เช่น รับฟรีแลนซ์ออกแบบแล้วใช้คอมบริษัททำ ซึ่งกระทบทั้งเวลาและทรัพยากรของบริษัท
  • เปิดเผยความลับของบริษัท เช่น เอาข้อมูลลูกค้าของบริษัทไปบอกคู่แข่ง หรือเผยแพร่สูตรการผลิตในโซเชียล ซึ่งทำให้บริษัทเสียเปรียบทางธุรกิจ
  • ขายข้อมูลบริษัทให้คู่แข่ง เป็นขั้นที่ร้ายแรงกว่าเปิดเผยความลับ เช่น นำแผนกลยุทธ์การตลาด ข้อมูลซัพพลายเออร์ หรือรายงานการเงิน ไปแลกกับผลตอบแทนส่วนตัว
  • รับสินบนหรือของกำนัลจากคู่ค้า เช่น คู่ค้าเสนอเงินหรือของขวัญมีมูลค่าเพื่อให้อนุมัติสัญญา โดยไม่สนใจว่าสัญญานั้นอาจไม่เป็นธรรมกับบริษัท
  • ปลอมเอกสารการเบิกจ่าย เช่น ทำใบเสร็จปลอม เบิกเงินซื้ออุปกรณ์ทั้งที่ไม่ได้ซื้อจริง หรือแก้ไขตัวเลขให้สูงขึ้น
  • บันทึกเวลาทำงานไม่ตรงความจริง เช่น ลงเวลาแทนกันโดยให้เพื่อนสแกนนิ้วแทนตอนเข้างาน หรือแอบเปลี่ยนข้อมูลในระบบบันทึกเวลา
  • ใช้ทรัพยากรของบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เช่น ใช้รถบริษัทไปเที่ยว ใช้เครื่องถ่ายเอกสารปริ๊นต์เอกสารเรียนลูก ใช้โปรแกรมที่บริษัทซื้อมาเพื่อทำงานรับจ้างนอก
  • ใช้สิทธิ์ลาป่วยเท็จ เช่น แจ้งว่าป่วยเพื่อหยุดงาน แต่จริง ๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไปทำธุระส่วนตัว
  • สั่งซื้อสินค้าหรือบริการผ่านบริษัทในราคาสูงกว่าปกติ เช่น โก่งราคากับซัพพลายเออร์ ตั้งราคาสูงเกินจริง แล้วได้เปอร์เซ็นต์กลับมาเข้ากระเป๋าตนเอง
  • นำสินค้า/วัตถุดิบของบริษัทไปขายต่อเพื่อหากำไรเอง เช่น พนักงานคลังสินค้าแอบเบิกของบริษัทไปขายในตลาดออนไลน์
  • บิดเบือนข้อมูลรายงานเพื่อให้ตนเองหรือทีมได้ผลประโยชน์ เช่น แก้ตัวเลขยอดขายให้ดูดีขึ้น เพื่อให้ได้โบนัสหรือค่าคอมมิชชั่นมากขึ้น
  • ทำงานไม่เต็มที่โดยเจตนา เช่น จงใจปล่อยงานค้าง ละเลยหน้าที่ เพื่อให้งานเกิดปัญหาแล้วตัวเองได้ “โอกาส” เข้ามาแก้ไขและได้เครดิต
  • อ้างตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน เช่น บอกคนอื่นว่าตนเป็น “ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ” เพื่อขอส่วนลดจากร้านค้า ทั้งที่ใช้ซื้อของส่วนตัว
  • ใช้ตำแหน่งหน้าที่กดดันเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น บังคับให้ลูกน้องช่วยทำงานนอกเวลาโดยไม่จ่ายค่าแรง หรือขอผลประโยชน์ตอบแทนเพื่อแลกกับการอนุมัติ
  • สมคบกับบุคคลภายนอกโกงบริษัท เช่น ทำสัญญากับคู่ค้าสร้างราคาสูงกว่าความจริงแล้วแบ่งผลประโยชน์กัน หรือร่วมกันปลอมเอกสารจัดซื้อจัดจ้าง

การทุจริตต่อหน้าที่มีผลอย่างไรตามกฎหมายแรงงาน

ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฯ หากลูกจ้างมีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ นายจ้างสามารถเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า เพราะถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ทั้งนี้ลูกจ้างที่กระทำการทุจริตยังอาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง หากการกระทำนั้นสร้างความเสียหายแก่บริษัท หรือในบางกรณีอาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา เช่น ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หรือปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ

 

อย่างไรก็ตาม ภาระการพิสูจน์ถือเป็นหน้าที่ของนายจ้าง หากนายจ้างกล่าวหาลูกจ้างว่าทุจริตแต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ศาลอาจตีความว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม อาจต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าเสียหายเพิ่มเติมให้ลูกจ้าง ดังนั้น การเก็บพยานหลักฐานที่แน่นหนาจึงเป็นสิ่งสำคัญ



สรุป ทุจริตต่อหน้าที่ หมายถึงอะไร? พฤติกรรมไหนบ้างที่ถือว่าทุจริต

กล่าวโดยสรุป การทุจริตต่อหน้าที่ หมายถึงการแสวงหาประโยชน์ส่วนตนโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่หรือทรัพยากรของบริษัท ซึ่งเข้าข่ายความผิดร้ายแรง นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และอาจดำเนินการทางแพ่งหรือทางอาญาเพิ่มเติมหากเกิดความเสียหายต่อบริษัท อย่างไรก็ตาม นายจ้างต้องมีหลักฐานเพียงพอเพื่อยืนยันความผิด ม่เช่นนั้นอาจถูกฟ้องกลับในข้อหาเลิกจ้างไม่เป็นธรรมได้

hms-helpful-shadow svg fileโปรแกรมเงินเดือน HumanSoft
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน ครบทุกฟังก์ชัน
  • บริการขึ้นระบบ ฟรี
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
  • ยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้