ราชกิจจานุเบกษาประกาศปรับเพดานเงินสมทบประกันสังคม สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 อย่างเป็นทางการ เริ่มใช้ 1 มกราคม 2569 จะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง มาดูกัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- อัปเดตอัตราประกันสังคมว่างงาน เงินทดแทนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่บ้าง
- SSO Plus เช็กสิทธิ์ ตรวจสอบข้อมูลประกันสังคม ครบในแอปเดียว
- ประกันสังคมมาตรา 33, 39 และ 40 มีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
- ประกันสังคม กับ บัตรทอง ต่างกันยังไง สิทธิไหนดีกว่ากัน?
- นายจ้างต้องรู้! หากไม่ชำระเงินสมทบประกันสังคม เสี่ยงกฎหมาย!
- วิธีลงทะเบียนว่างงานประกันสังคมออนไลน์ 2568 ทำเองง่าย ๆ
ราชกิจจาฯ ประกาศ ปรับเพดานเงินสมทบประกันสังคม เริ่มมีผล 1 ม.ค. 2569
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศเผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนตนตามมาตรา 33 พ.ศ.2568 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 โดยมีสาระสำคัญ ความว่า
ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป
ข้อ 2 ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
ข้อ 3 ค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แต่ละคน กำหนดเป็นจำนวนแบบขั้นบันได ดังนี้
- ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569 – 31 ธ.ค. 2571 เพดานฐานค่าจ้างสูงสุด 17,500 บาท จ่ายเงินสมทบไม่เกิน 875 บาทต่อเดือน
- ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2572 – 31 ธ.ค. 2574 เพดานฐานค่าจ้างสูงสุด 20,000 บาท จ่ายเงินสมทบไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน
- ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2575 เป็นต้นไป เพดานฐานค่าจ้างสูงสุด 23,000 บาท จ่ายเงินสมทบไม่เกิน 1,150 บาทต่อเดือน
Tips! อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ >> ปี 2569 เพดานเงินสมทบประกันสังคมปรับเพิ่ม ได้สิทธิอะไรเพิ่มบ้าง
สรุป ราชกิจจาฯ ประกาศแล้วปรับเพดานเงินสมทบประกันสังคมมีผล 1 ม.ค. 2569
การปรับเพดานเงินสมทบประกันสังคมครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ทั้งนายจ้างและผู้ประกันตนต้องเตรียมตัวล่วงหน้า โดยเริ่มทยอยปรับแบบขั้นบันไดตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ส่งผลต่อภาระเงินสมทบและการวางแผนต้นทุนแรงงานในระยะยาว ใครที่เกี่ยวข้องกับงานเงินเดือนและ HR ควรอัปเดตข้อมูลให้พร้อม เพื่อบริหารจัดการได้อย่างถูกต้องตั้งแต่วันแรกที่กฎหมายมีผลบังคับใช้
