สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว แต่หลายคนยังคงสงสัยใช่ไหมว่า คู่รัก LGBTQ+ ที่จดทะเบียนสมรส สามารถใช้สิทธิสวัสดิการคู่สมรสได้ไหม มาหาคำตอบกัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- เมนส์มา ลาได้! แรงงานดันสิทธิลาได้เมื่อมีประจำเดือน
- สรุปครบ! กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างคืออะไร? เริ่มใช้ตอนไหน
- SSO Plus เช็กสิทธิ์ ตรวจสอบข้อมูลประกันสังคม ครบในแอปเดียว
- สรุปครบ! กฎหมายแรงงาน สิทธิแรงงานและหน้าที่นายจ้างมีอะไรบ้าง
ว่าด้วยเรื่องสิทธิสมรสเท่าเทียม
“พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม” ถือเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทยในการยอมรับความหลากหลายทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม คู่รัก LGBTQ+ สามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสถานะเป็น “คู่สมรส” เช่นเดียวกับชายหญิงทั่วไป ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การยอมรับทางสังคม แต่ยังส่งผลต่อสิทธิทางกฎหมายและสิทธิสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคู่ในหลายมิติ
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจคือ “สิทธิคู่สมรสของ LGBTQ+” โดยเฉพาะสิทธิที่เคยจำกัดไว้เฉพาะคู่สมรสชายหญิง เช่น สิทธิมรดก สิทธิการตัดสินใจทางการแพทย์ และสิทธิสวัสดิการในฐานะคู่สมรสของพนักงานในหน่วยงานรัฐฯ หรือองค์กรต่าง ๆ บทความนี้จะพาไปดูว่าสิทธิใดบ้างที่คู่รัก LGBTQ+ ควรได้รับภายใต้กฎหมายสมรสเท่าเทียม
สิทธิที่คู่รัก LGBTQ+ จะได้รับในกฎหมายสมรสเท่าเทียม
เมื่อ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ คู่รัก LGBTQ+ ที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับ “สถานะคู่สมรส” เทียบเท่าคู่ชาย-หญิงโดยสมบูรณ์ นั่นหมายความว่า สิทธิต่าง ๆ ที่เคยจำกัดเฉพาะคู่สมรสชายหญิง จะเปิดกว้างให้กับคู่รักเพศเดียวกันเช่นกัน ดังนี้
1. สิทธิที่บุคคลทุกเพศสามารถหมั้น-แต่งงานกันได้
ทุกเพศสามารถหมั้นและจดทะเบียนสมรสได้โดยไม่จำกัดแค่ชาย-หญิงอีกต่อไป ถือเป็นการรับรองความสัมพันธ์ตามกฎหมายอย่างเป็นทางการ
2. สิทธิความเสมอภาคและเป็นกลางทางเพศ
คู่สมรส LGBTQ+ จะได้รับการคุ้มครองตามหลักความเสมอภาคในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ถูกเลือกปฏิบัติเพียงเพราะอัตลักษณ์ทางเพศ เช่น ปรับใช้ถ้อยคำที่ไม่จำกัดเพศเฉพาะชาย-หญิงเท่านั้น อาทิ เปลี่ยนคำว่าชายและหญิง เป็น บุคคล, ผู้หมั้น, ผู้รับหมั้น เปลี่ยนคำว่าสามี-ภรรยา เป็น คู่สมรส เปลี่ยนคำว่าบิดา-มารดา เป็น บุพการี เป็นต้น
3. สิทธิประโยชน์และสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรส
บุคคลทุกเพศจะได้รับความเท่าเทียมในการดูแลชีวิตและทรัพย์สินของกันและกัน โดยคู่สมรสจะได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย ดังนี้
- สิทธิประโยชน์และสวัสดิการจากรัฐ เช่น สิทธิรับประโยชน์ทดแทนจากประกันสังคม สิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ เป็นต้น
- สิทธิจัดการทรัพย์สินร่วมกัน
- สิทธิเป็นผู้จัดการแทนทางอาญา
- สิทธิรับมรดกหากอีกฝ่ายเสียชีวิต
- สิทธิในการตัดสินใจแทนทางการแพทย์
- สิทธิในการจัดการศพ
4. สิทธิการเป็นบิดา-มารดา หรือบุพการีตามกฎหมาย
หากมีการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน เดิมทีคู่สมรส LGBTQ+ สามารถรับเป็นผู้ปกครองได้ฝ่ายเดียว แต่หากจดทะเบียนสมรสจะสามารถอุปถัมภ์บุตรบุญธรรมร่วมกันได้ตามกฎหมาย รวมถึงอำนาจในการเลี้ยงดูและตัดสินใจแทนบุตร
5. สิทธิเรียกค่าทดแทนและฟ้องหย่า
หากคู่รัก LGBTQ+ เกิดปัญหาความขัดแย้งจนต้องยุติความสัมพันธ์จะมีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เช่น การเรียกค่าทดแทนกรณีอีกฝ่ายผิดสัญญาสมรส หรือสิทธิในการฟ้องหย่า รวมถึงการแบ่งสินสมรสอย่างเป็นธรรมตามกฎหมาย
สรุป สมรสเท่าเทียม LGBTQ+ ใช้สิทธิสวัสดิการคู่สมรสได้จริงไหม
เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ คู่รัก LGBTQ+ ที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องจะสามารถใช้สิทธิในฐานะ “คู่สมรส” ได้อย่างเท่าเทียม รวมถึงสิทธิสวัสดิการจากรัฐ เช่น สิทธิประกันสังคม สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล และสิทธิอื่น ๆ ตามที่คู่สมรสชายหญิงพึงมี ซึ่งหมายความว่า คู่รักเพศเดียวกันจะได้รับการรับรองทั้งในทางกฎหมายและทางปฏิบัติในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงสวัสดิการในภาคเอกชนหรือหน่วยงานบางแห่ง อาจยังต้องอาศัยการปรับแก้นโยบายภายในให้สอดคล้องกับกฎหมาย เพื่อให้ความเท่าเทียมเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงในทุกมิติของชีวิตคู่