คิดค่าแรงรายวันยังไงให้แม่น? โดยเฉพาะเวลาคิดเงินเดือนพนักงานลา ขาด มาสาย หรือออกก่อนกำหนด บทความนี้มีคำตอบ พร้อมวิธีคำนวณง่าย ๆ ที่คุณก็ทำได้
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- วิธีคิดค่าแรงรายเดือนให้แก่พนักงานง่าย ๆ พร้อมตัวอย่าง
- วิธีการคิดค่าแรงรายชั่วโมงอย่างง่าย คำนวณเป๊ะ เข้าใจได้ทันที
- วิธีคิดเงินเดือนและโอทีให้ถูกต้อง ลดข้อผิดพลาดในการจ่ายเงิน
- แจกสูตรวิธีคิดเงินเดือน เมื่อพนักงานทำงานไม่เต็มเดือน
- Q&A พนักงานเข้าใหม่คิดเงินเดือนไม่เต็มเดือน ต้องคำนวณอย่างไร
- วิธีการคิดเงินเดือนพนักงานรายเดือนตามกฎหมาย
ทำไมต้องแปลงค่าจ้างจากรายเดือนเป็นรายวัน
ในการบริหารจัดการค่าจ้าง พนักงานไม่ได้ทำงานครบเดือนเสมอไป บางคนเริ่มงานหรือออกกลางเดือน หรือบางตำแหน่งก็ทำงานแบบรายวัน การแปลงค่าจ้างจากรายเดือนเป็นรายวันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ HR และเจ้าของกิจการต้องทำอยู่บ่อยครั้ง แม้อาจดูยุ่งยากในตอนแรก แต่หากเข้าใจหลักการแล้ว การคำนวณก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอย่างที่คิด รู้ไว้ใช้งานได้จริง ประหยัดทั้งเวลา และยังช่วยให้องค์กรจ่ายค่าจ้างได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแรงงานอีกด้วย
สถานการณ์ที่มักใช้สูตรคิดค่าแรงจากรายเดือนเป็นรายวัน
- พนักงานทำงานไม่เต็มเดือน เช่น พนักงานเข้าทำงานวันที่ 16 ของเดือน บริษัทต้องจ่ายเงินเฉพาะช่วงวันที่เริ่มงานถึงสิ้นเดือน
- พนักงานลาออกก่อนสิ้นเดือน เช่น พนักงานแจ้งลาออกและทำงานวันสุดท้ายในวันที่ 10 ของเดือน บริษัทต้องคำนวณเงินเดือนตามจำนวนวันที่ทำงานจริงจนถึงวันสุดท้ายของการทำงาน
- การคำนวณค่าชดเชยวันลาพักร้อนสะสมที่ยังไม่ได้ใช้ กรณีที่บางบริษัทมีนโยบายชดเชยให้เป็นค่าจ้าง เช่น เมื่อลูกจ้างลาออก แล้วมีสิทธิวันลาพักร้อนคงเหลือ นายจ้างต้องจ่ายค่าลาพักร้อนตามจำนวนวันที่เหลือโดยคิดเป็นค่าแรงรายวัน
- การคำนวณค่าจ้างพนักงานชั่วคราว (Short-term Contract) โดยอิงจากค่าจ้างรายเดือน เช่น การทำงานเฉพาะช่วงเวลาโครงการ อีเวนต์ จัดกิจกรรม เป็นต้น
วิธีคิดค่าแรงจากรายเดือนเป็นรายวัน
โดยทั่วไป สูตรการคิดค่าแรงจากรายเดือนเป็นรายวันที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและสอดคล้องกับแนวทางของกฎหมายแรงงานคือ ค่าแรงรายวัน = เงินเดือน ÷ 30 วัน
ตัวอย่างการคิดค่าแรงจากรายเดือนเป็นรายวันในแต่ละสถานการณ์
ตัวอย่างที่ 1 : พนักงานเริ่มงานกลางเดือน
พนักงานเข้าทำงานวันที่ 16 มิถุนายน เงินเดือนตามสัญญาคือ 18,000 บาท/เดือน และพนักงานทำงานจริง 15 วัน (16–30 มิ.ย.)
วิธีคิด:
ค่าแรงรายวัน = 18,000 ÷ 30 = 600 บาท
ค่าแรงที่ต้องจ่าย = 600 × 15 = 9,000 บาท
ตัวอย่างที่ 2: พนักงานลาออกก่อนสิ้นเดือน
พนักงานแจ้งลาออก โดยแจ้งวันทำงานสุดท้ายคือ 10 กรกฎาคม เงินเดือนตามสัญญาคือ 21,000 บาท และพนักงานทำงานจริง 10 วัน (1–10 ก.ค.)
วิธีคิด:
ค่าแรงรายวัน = 21,000 ÷ 30 = 700 บาท
ค่าจ้างที่ต้องจ่าย = 700 × 10 = 7,000 บาท
ตัวอย่างที่ 3: ค่าชดเชยวันลาพักร้อนที่ยังไม่ได้ใช้
พนักงานลาออกสิ้นเดือน และยังมีสิทธิวันลาพักร้อนคงเหลืออยู่ 5 วัน ซึ่งบริษัทมีนโยบายชดเชยวันลาพักร้อนที่ไม่ได้ใช้ให้เป็นค่าจ้าง เงินเดือนของพนักงานคือ 24,000 บาท/เดือน
วิธีคิด:
ค่าแรงรายวัน = 24,000 ÷ 30 = 800 บาท
ค่าชดเชยวันลาพักร้อน = 800 × 5 = 4,000 บาท
ตัวอย่างที่ 4: พนักงานชั่วคราวทำงานเฉพาะช่วงโครงการ
บริษัท ABC จำกัด รับพนักงานตำแหน่ง "ผู้ช่วยประสานงานกิจกรรม" มาช่วยงานอีเวนต์เปิดตัวสินค้าใหม่ ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 1–15 กรกฎาคม แม้ว่าจะทำสัญญาจ้างแบบรายเดือนในอัตราเงินเดือน 18,000 บาท เพื่อความสะดวกในการขึ้นทะเบียนและจ่ายประกันสังคม แต่ในความเป็นจริงพนักงานจะทำงานเพียงครึ่งเดือน และสิ้นสุดสัญญาหลังจบโครงการ
วิธีคิด:
ค่าแรงรายวัน = 18,000 ÷ 30 = 600 บาท
ค่าแรงที่ต้องจ่าย = 600 × 15 = 9,000 บาท
Tips! อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่ >> วิธีคิดค่าแรงรายเดือนให้แก่พนักงานง่าย ๆ พร้อมตัวอย่าง
สรุป วิธีคิดค่าแรงจากรายเดือนเป็นรายวัน ไม่ยากอย่างที่คิด
การคิดค่าแรงจากรายเดือนเป็นรายวันเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ HR และนายจ้างสามารถบริหารจัดการค่าจ้างได้อย่างยืดหยุ่นและถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีพนักงานเริ่มงานหรือสิ้นสุดงานไม่ครบเดือน มีสิทธิลาพักร้อนสะสม หรือเป็นพนักงานชั่วคราวที่ทำงานช่วงสั้น ๆ การเข้าใจหลักการคิดด้วยสูตรมาตรฐานจะช่วยให้คำนวณได้แม่นยำ ลดข้อผิดพลาด และเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย