อัปเดตล่าสุด คณะรัฐมนตรี ไฟเขียวร่างกฎหมายแรงงาน 3 ฉบับ มีมติเห็นชอบให้เลื่อนกำหนดการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างออกไปจากเดิมอีก 1 ปี
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- สรุปครบ! กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างคืออะไร? เริ่มใช้ตอนไหน
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างต่างกันยังไง?
- Q&A กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อลูกจ้างลาออกต้องทำอย่างไร?
- กองทุนเงินทดแทนคืออะไร? กิจการใดบ้างที่ต้องจ่ายเงินสมทบ
- Q&A กองทุนเงินทดแทนนายจ้างต้องจ่ายเท่าไหร่ และจ่ายอย่างไร?
- มัดรวมสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน
ว่าด้วยเรื่องการเลื่อนเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
จากการประชุมคณะรัฐมนตรีล่าสุด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเลื่อนการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างออกไปอีก 1 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบและลดภาระทางการเงินของนายจ้างและลูกจ้างในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน
สรุปสาระสำคัญของมติ ครม. เลื่อนจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
จากการประชุมคณะรัฐมนตรีล่าสุด เกี่ยวกับการเลื่อนการจัดเก็บเงินสะสม-เงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
เลื่อนเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
คณะรัฐมนตรี อนุมัติร่างกฎหมาย 3 ฉบับ เพื่อเลื่อนการเก็บเงินสะสม-เงินสมทบ กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งจากเดิมมีกำหนดเริ่มเก็บเงินเข้ากองทุน วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ปัจจุบันมีมติให้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2569
ครม.ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ
จากการประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเลื่อนวันเริ่มใช้บังคับการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง โดยมีการอนุมัติหลักการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
- ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบ กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง จาก “ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป” เป็น “วันที่ 1 ตุลาคม 2569 เป็นต้นไป”
- ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มีสาระสำคัญเป็นการเลื่อนระยะเวลาการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างออกไปเป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2569 ให้สอดคล้องกับร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
- ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม วันใช้บังคับกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย พ.ศ. 2567 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2569 เป็นต้นไปเพื่อให้สอดคล้องกับร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
อัตราเงินสะสม-เงินสมทบ
อัตราเงินสะสม-เงินสมทบยังคงเท่าเดิม คือ ในระยะ 5 ปีแรก ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2569 – 30 กันยายน 2574 ลูกจ้างและนายจ้าง ส่งเงินสบทบ-เงินสะสม ฝ่ายละ 0.25% ของค่าจ้าง และตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2574 เป็นต้นไป ลูกจ้างและนายจ้าง ส่งเงินสบทบ-เงินสะสม ฝ่ายละ 0.5% ของค่าจ้าง
เหตุผลที่ ครม. มีมติให้เลื่อน
ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอน ทั้งผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การแข่งขันทางการค้า–ภาษี และความตึงเครียดจากความขัดแย้งภูมิภาค ดังนั้นคณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้เลื่อนกำหนดการเก็บเงินสะสม-เงินสมทบกองทุนลูกจ้างออกไป เพื่อบรรเทาภาวะทางการเงินของนายจ้างและลูกจ้าง
สรุป มติครม. เลื่อนเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างไปอีก 1 ปี
จากการประชุมคณะรัฐมนตรีล่าสุด คณะรัฐมนตรีได้มีมติเลื่อนการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างจากเดิมเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2569 เพื่อบรรเทาผลกระทบและลดภาระทางการเงินของนายจ้างและลูกจ้าง