ปรับเงินเดือนพนักงานระหว่างรอบทีไร HR ต้องคำนวณแยกส่วน ย้อนวันให้วุ่น ทั้งเสียเวลา เสี่ยงผิดพลาด ทั้งหมดนี้จะง่ายและแม่นยำขึ้นหากให้ Payroll Outsource ช่วยดูแล
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- หมดปัญหาปรับเงินเดือนผิดพลาด ด้วยการใช้บริการรับทำเงินเดือน
- พนักงานขอขึ้นเงินเดือน ควรปรับเงินเดือนอย่างไรบ้าง
- Q&A ตามกฎหมายแรงงาน นายจ้างต้องปรับขึ้นเงินเดือนทุกปีหรือไม่
- Q&A ปรับฐานเงินเดือนพนักงาน HR ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง?
- ช่วย HR วางแผนปรับเงินเดือนง่ายๆ ด้วยโปรแกรม HR
การปรับเงินเดือนพนักงานไม่ใช่แค่เพิ่มตัวเลข แต่คือการคำนวณที่ต้องเป๊ะทุกขั้นตอน
เวลาพูดถึง “การปรับเงินเดือน” หลายคนอาจนึกถึงแค่การขึ้นตัวเลขในสลิปเงินเดือนให้สูงขึ้น แต่ในมุมของ HR แล้ว การปรับเงินเดือนแต่ละครั้งคือภารกิจที่ต้องแม่นยำรอบด้าน เพราะไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนเงิน แต่ยังต้องคำนึงถึงช่วงเวลา ผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ และการคำนวณย้อนหลังอย่างละเอียดถี่ถ้วน
โดยทั่วไป บริษัทมักจะปรับเงินเดือนตามรอบประจำปี หรือเมื่อตำแหน่งเปลี่ยน แต่ในหลายกรณีก็อาจต้องปรับระหว่างรอบ เช่น ปรับเพราะผลงานโดดเด่น ปรับให้พนักงานใหม่ หรือปรับตามตลาดแรงงาน ซึ่งแม้จะดูเหมือนแค่ “อัปเดตตัวเลข” แต่ในทางปฏิบัติแล้ว กลับเต็มไปด้วยรายละเอียดเฉพาะทางที่ต้องแยกวัน แยกช่วง และคิดเงินตามอัตราใหม่อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะหากมีการเปลี่ยนแปลงกลางรอบบัญชีเงินเดือน
ทำไมการปรับเงินเดือนระหว่างรอบจึงเป็นเรื่องยุ่งยากของ HR?
การปรับเงินเดือนอาจดูเหมือนแค่เปลี่ยนตัวเลขในระบบ แต่สำหรับ HR แล้ว เรื่องนี้ซับซ้อนมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ “ไม่ได้ปรับตั้งแต่ต้นรอบการคำนวณ” เพราะจะต้องแยกช่วงเวลาทำงาน และคิดเงินเดือนตามฐานเดิมและฐานใหม่แยกจากกันอย่างละเอียด
โดยทั่วไป การคำนวณเงินเดือนกรณีมีการปรับฐานใหม่ จะมี 2 รูปแบบหลัก ๆ ที่ HR ต้องรับมือ ดังนี้
1. ปรับเงินเดือนตั้งแต่ต้นรอบคำนวณ
กรณีนี้เป็นการคำนวณที่ไม่ซับซ้อน เพราะเงินเดือนใหม่จะถูกนำมาใช้ทั้งรอบ ไม่มีการแยกช่วงเวลา
ตัวอย่าง: รอบเงินเดือนของบริษัทคือ 26 ก.ค. 2568 – 25 ส.ค. 2568 และมีการปรับเงินเดือนจาก 18,000 บาท เป็น 23,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่ 26 ก.ค. 2568 แบบนี้พนักงานจะได้รับเงินเดือนตามฐานใหม่ทั้งรอบเลย
2. ปรับเงินเดือนระหว่างรอบคำนวณ
กรณีนี้เป็นการคำนวณที่ซับซ้อน เพราะต้องแยกช่วงเวลาที่เงินเดือนเดิมยังมีผล กับช่วงที่เงินเดือนใหม่เริ่มใช้ และคำนวณตามจำนวนวันของแต่ละช่วงให้ถูกต้อง
ตัวอย่าง: รอบเงินเดือนของบริษัทคือ 26 ก.ค. 2568 – 25 ส.ค. 2568 และมีการปรับเงินเดือนจาก 18,000 บาท เป็น 23,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่ 1 ส.ค. 2568
สามารถแบ่งช่วงคำนวณได้ดังนี้
ช่วงที่ 1: เงินเดือนเดิม
- วันที่: 26 ก.ค. – 31 ก.ค. (6 วัน)
- คิดรายวัน: 18,000 ÷ 30 = 600 บาท
- รวม: 600 x 6 = 3,600 บาท
ช่วงที่ 2: เงินเดือนใหม่
- วันที่: 1 ส.ค. – 25 ส.ค. (25 วัน)
- คิดรายวัน: 23,000 ÷ 30 = 766.67 บาท
- รวม: 766.67 x 25 = 19,166.75 บาท
รวมที่ต้องจ่าย: 3,000 + 19,166.75 = 22,166.75 บาท
ซึ่งการแยกช่วงแบบนี้ นอกจากจะใช้เวลาคิดเยอะแล้ว ยังต้องระวังไม่ให้คำนวณผิด เพราะอาจส่งผลถึงเงินเดือนสุทธิของพนักงาน รวมถึงการหักภาษีและประกันสังคมอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> วิธีการคำนวณเงินของพนักงานปรับเงินเดือนประจำปี
บริการ Payroll Outsource ช่วยจัดการการคำนวณเงินเดือนระหว่างรอบได้อย่างไร
ปัญหาเรื่องการคำนวณเงินเดือนแบบแยกช่วง ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ตัวเลขไม่ตรง” แต่เป็นความเสี่ยงที่อาจกระทบทั้ง ความแม่นยำในการจ่าย, ความเชื่อมั่นของพนักงาน, และภาระงานของ HR โดยตรง โดยเฉพาะในองค์กรที่มีการปรับเงินเดือนให้พนักงานบ่อย หรือต้องรองรับกรณีที่ซับซ้อน เช่น การปรับย้อนหลัง การปรับเฉพาะกลุ่ม หรือปรับกลางรอบหลายคนพร้อมกัน
Payroll Outsource คือผู้ช่วยเบื้องหลังที่เข้ามาจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เป๊ะทุกขั้นตอน ตั้งแต่
- แยกช่วงคำนวณเงินเดือนตามฐานเงินเดือนเดิมและใหม่อัตโนมัติ
- คำนวณเงินแบบรายวันตามจำนวนวันทำงานจริง
- ตรวจสอบความถูกต้องของรายได้ และค่าหักภาษี/ประกันสังคม
- จัดทำรายงานเงินเดือนให้ตรวจสอบย้อนหลังได้
- ลดความเสี่ยงเรื่องการคำนวณผิดที่อาจกระทบความสัมพันธ์กับพนักงาน
ทั้งหมดนี้ ช่วยให้ HR ทำงานได้ง่ายขึ้น มั่นใจมากขึ้น และมีเวลาไปโฟกัสกับงานพัฒนาคนในองค์กรแทนการแก้ตัวเลข
สรุป ไม่ว่าจะปรับเงินเดือนต้นรอบหรือกลางรอบ Payroll Outsource ก็คำนวณให้เป๊ะ
แทนที่จะเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการคำนวณเงินเดือนแบบแมนนวน หรือเสี่ยงผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลซ้ำ ๆ ลองใช้ บริการ Payroll Outsourcing ที่ช่วยให้ทุกขั้นตอนการจ่ายเงินเดือนแม่นยำ โปร่งใส และประหยัดเวลากว่าที่เคย ไม่ว่าจะปรับเงินต้นรอบหรือกลางรอบ ก็มั่นใจได้ว่า “ไม่มีตกหล่น”