รู้หรือไม่? คดีแรงงานหลายกรณีที่นายจ้าง “เสี่ยง” แพ้ในชั้นศาล มาดูว่า 10 กรณีคดีตัวอย่างที่อาจเป็นบทเรียนสำคัญ ป้องกันไม่ให้องค์กรของคุณต้องเสี่ยง!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- หลักเกณฑ์การเรียกเงินประกันการทำงานจากลูกจ้างตามกฎหมายแรงงาน
- การจ้างงานพนักงานหลังเกษียณ แนวทางและกฎเกณฑ์ที่ HR ควรรู้
- หลักเกณฑ์การพักงาน ตามกฎหมายแรงงาน ที่นายจ้างต้องรู้!!
- Q&A ตามกฎหมายแรงงาน นายจ้างต้องปรับขึ้นเงินเดือนทุกปีหรือไม่
“คดีแรงงาน” เรื่องสำคัญที่นายจ้างต้องพิเศษใส่ใจ
นายจ้างจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับข้อกฎหมายแรงงานและสิทธิของลูกจ้างอย่างรอบคอบ เพราะหากละเลยหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ข้อพิพาททางกฎหมายหรือถูกฟ้องร้องได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อนายจ้างและองค์กรหลายด้าน คดีแรงงานจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม นายจ้างควรมีความรู้ที่ถูกต้อง และบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
10 กรณีคดีตัวอย่าง ที่นายจ้างต้องระวัง!
แม้ว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว แต่ก็อาจมีรายละเอียดบางกรณีที่นายจ้าง “เสี่ยงแพ้” ในชั้นศาลเมื่อเกิดการฟ้องร้องขึ้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดมาดู 10 คดีตัวอย่างที่นายจ้างต้องระวัง ดังนี้เลย
1. เลิกจ้างเพราะกระทำความผิดแต่ไม่มีหลักฐาน
การเลิกจ้างเพราะลูกจ้างกระทำความผิด แต่ไม่มีหลักฐาน หากต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลนายจ้างอาจแพ้คดีได้ เพราะศาลพิจารณาตาม “หลักฐาน” ไม่ใช่ “ความรู้สึกผิด”
2. เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่แจ้ง
หากนายจ้างมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเดือน กะการทำงาน หรือการลด-เพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบ แล้วไม่แจ้งให้ลูกจ้างรับทราบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมหลักฐานแสดงความยินยอมจากลูกจ้าง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจไม่มีผลในทางกฎหมาย และเสี่ยงต่อการเกิดข้อพิพาทแรงงานได้ในภายหลัง
3. ยกเลิกสัญญา...แต่ไม่จ่ายเงิน
การยกเลิกสัญญาจ้างก่อนครบกำหนด และไม่จ่ายค่าเสียหายตามที่ตกลงไว้ ถือเป็นการผิดสัญญา แม้จะเป็นลูกจ้างชั่วคราว ก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายได้เช่นเดียวกัน
4. ตั้งข้อหาเกินความจริง
หากนายจ้างตั้งข้อหาลูกจ้างเกินจริงหรือขยายความผิดเกินข้อเท็จจริง เพียงเพื่อหวังเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ศาลอาจเห็นว่าเป็นการขาดความสุจริตใจในการเลิกจ้าง และตัดสินให้นายจ้างเป็นฝ่ายแพ้คดี
5. ใช้ช่องโหว่ “ทดลองงาน” เพื่อเลิกจ้างฟรี
การระบุว่าลูกจ้างอยู่ในช่วงทดลองงาน แต่ไม่เคยมีการประเมินหรือแจ้งผลการทดลองงานอย่างชัดเจน อาจถูกมองว่าเป็นการจ้างงานตามปกติ ซึ่งหากเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลรองรับ ก็ไม่สามารถเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชยได้ เพราะ “ทดลองงาน” ไม่ใช่ช่องทางเพื่อจ้างงานฟรี
6. จ่ายเงินไม่ตรงเวลา
การไม่จ่ายเงินเดือน ค่าล่วงเวลา หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ให้ตรงตามกำหนด ถือว่าผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานทันที และลูกจ้างมีสิทธิร้องเรียนหรือฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องสิทธิที่พึงได้ตามกฎหมาย
7. เลิกจ้างตามความรู้สึก
เลิกจ้างเพราะ ‘ไม่พอใจส่วนตัว’ หรือความรู้สึกของนายจ้าง ไม่ถือเป็นเหตุผลทางกฎหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย
8. “กดดัน” ให้ลาออก
แม้ลูกจ้างจะเซ็นใบลาออก แต่หากมีพยานหรือหลักฐานชัดเจนว่า ‘ถูกกดดัน’ หรือ ‘บีบบังคับ’ จากนายจ้าง การลาออกนั้นถือว่าไม่สมัครใจ และอาจตีความเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมได้ตามกฎหมายแรงงาน
9. ให้ทำงานเกินเวลา โดยไม่ลงเป็นลายลักษณ์อักษร
การให้พนักงานทำงานล่วงเวลา ต้องมีหนังสือยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร แม้พนักงานจะเต็มใจทำแต่หากไม่มีเอกสารยืนยัน นายจ้างถือว่าผิดกฎหมายแรงงาน และเสี่ยงถูกเรียกร้องค่าล่วงเวลาย้อนหลัง
10. การจดบันทึกระหว่างการสอบข้อเท็จจริง สำคัญกว่าที่คิด
การสอบสวนข้อเท็จจริงหากไม่จดบันทึกอย่างเป็นทางการ อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญ หากมีข้อพิพาทในอนาคต เพราะศาลจะพิจารณาจากหลักฐานเป็นหลัก กระบวนการภายในจึงต้องโปร่งใส มีบันทึกทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันข้อโต้แย้ง
ดังนั้น หากเกิดข้อพิพาทและต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล นายจ้างที่มีพฤติกรรมหรือการดำเนินการเข้าข่าย 10 ข้อที่กล่าวมาแล้ว อาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะแพ้คดีได้
นายจ้างจะทำย่างไร เพื่อเลี่ยงสถานการณ์ “เสี่ยง” แพ้คดีในชั้นศาล
เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่อาจนำไปสู่ข้อพิพาททางกฎหมาย นายจ้างควรมีความรู้และความเข้าใจในกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง เพื่อเลี่ยงสถานการณ์ “เสี่ยง” นายจ้างจำเป็นต้องทำดังนี้
- ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด
- จัดทำเอกสารให้ครบถ้วน
- สอบสวนอย่างเป็นธรรม
- หลีกเลี่ยงการใช้ความรู้สึกส่วนตัว
- มีที่ปรึกษาด้านแรงงาน
สรุป มัดรวม 10 คดีแรงงานที่นายจ้าง "เสี่ยงแพ้" ในชั้นศาล
นายจ้างต้องให้ความสำคัญกับกฎหมายแรงงานและสิทธิของลูกจ้างอย่างรอบคอบ เพราะแม้จะปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว หากขาดความเข้าใจหรือดำเนินการไม่เหมาะสม ก็ยังเสี่ยงแพ้คดีได้ และเพื่อเลี่ยงข้อพิพาทและลดความเสี่ยงในชั้นศาล ควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีเอกสารครบถ้วน สอบสวนอย่างเป็นธรรม ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ และมีที่ปรึกษาด้านแรงงานคอยแนะนำ